เมื่อเรา ‘เย็น’ แต่
โลกกลับ ‘ร้อน’ ขึ้น

ในปี พ.ศ. 2562 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า โลกเรามีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 1.1 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมจากปรากฏการณ์เรือนกระจกนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั่วโลกมีจำนวนเครื่องปรับอากาศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า การเพิ่มขึ้นของเครื่องปรับอากาศที่ทำให้เราเย็นฉ่ำอยู่สบายนั้น ส่งผลกระทบตามมามากมาย ถึงขนาดที่ประชากรทั้งโลกอาจต้องรุ่มร้อนใจไปตาม ๆ กันได้

พลเมือง ‘แอร์’ หนาแน่น

จากรายงานของทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency, IEA) ที่เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2561 เปิดเผยว่า ทั่วโลกมีการใช้เครื่องปรับอากาศอยู่ที่ 1,600 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 5,600 ล้านเครื่องเมื่อถึง พ.ศ. 2593 ทำให้อัตราการใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ว่ากันว่า ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นนี้มากเท่ากับที่ชาวจีนทั้งประเทศใช้กันในปัจจุบันเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ จำนวนเครื่องปรับอากาศที่มากขึ้นยังทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน 1,250 ล้านตันต่อปี ก็จะกลายเป็น 2,280 ล้านตันต่อปี

เมื่อสำรวจพลเมืองที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศ พบว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 90 ติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้าน ส่วนประชากรที่อยู่ในกลุ่มประเทศเขตร้อนอย่างเอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลาง กลุ่มนี้มีประชากรรวมกันประมาณ 2,800 ล้านคน ในจำนวนนี้มีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่มีเครื่องปรับอากาศ แต่เมื่อมีรายได้มากขึ้น ชาวจีน อินเดียและอินโดนีเซียก็เลือกที่จะซื้อเครื่องปรับอากาศกันมากขึ้น

โลกร้อน…จากลมแอร์

การทำงานของเครื่องปรับอากาศนั้นจะส่งลมเย็นเข้ามาภายในบ้านแล้วปล่อยลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์ออกสู่ภายนอก นอกจากนี้ สารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ ทั้งสองสิ่งนี้ทำให้บริเวณรอบบ้านอากาศร้อนขึ้น และเมื่อความร้อนสะสมมากเข้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดคลื่นความร้อนได้

ซึ่งรายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า นับจาก พ.ศ. 2541–2560 มีผู้เสียชีวิตเพราะคลื่นความร้อนมากกว่า 166,000 คน โดยเฉพาะโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2546 ที่คลื่นความร้อนแผ่กระจายในยุโรป ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 70,000 ราย

นวัตกรรมปรับอากาศ

อย่างที่ทราบกันดีว่า สารทำความเย็นในเครื่องปรับอากาศ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่ทำให้โลกร้อนขึ้น จึงมีการผลิตเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในบ้านที่ใช้น้ำเป็นสารทำความเย็นแทน อีกทั้งยังไม่มีคอมเพรสเซอร์ที่ปล่อยลมร้อนออกมา การปล่อยก๊าซคาร์บอนจึงเป็นศูนย์

ดังเช่น นักวิจัยแห่ง Karlsruhe Institute of Technology จากประเทศเยอรมนีที่กำลังพัฒนาเครื่องปรับอากาศที่สามารถสกัดคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำในอากาศ แล้วเปลี่ยนให้เป็นไฮโดรเจนที่นำไปทำเป็นเชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนเหลว

ทีมนักวิจัยจากเยอรมนี กล่าวว่า หากนำเครื่องจับคาร์บอนนี้ไปปรับใช้กับระบบปรับอากาศแบบ HVAC ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการจัดการความร้อน การระบายอากาศ และการปรับอากาศ ไปใช้ที่ MesseTurm ซึ่งเป็นอาคารสูงที่สุดในยุโรป นวัตกรรมเครื่องนี้จะสกัดและเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์เป็นเชื้อเพลิงได้ถึงปีละ 2.5 ล้านลิตร หากติดตั้งระบบนี้ในอาคารสำนักงานทั่วเมืองแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีจะผลิตเชื้อเพลิงปีละ 462 ล้านลิตร  

ภาพประกอบเปิดโดย ANMOM

Share