Grid Brief
- ในช่วงฤดูฝนควรตรวจสอบสภาพบ้านมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา เฟอร์นิเจอร์ไม้ ระบบไฟฟ้า พื้น ต้นไม้ เพราะน้ำและความชื้นที่มาจากสายฝนอาจสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบสวัสดิภาพของสมาชิกในบ้านได้
ช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเต็มตัว เราเลยมีข้อแนะนำและข้อควรระวังในการดูแลบ้านและบริเวณรอบบ้านในช่วงฤดูฝนมาฝากกัน แม้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็ไม่ควรละเลย เพราะไม่เพียงเป็นเรื่องความปลอดภัยสำหรับสมาชิกในบ้านเท่านั้น ยังเป็นการช่วยดูแลรักษาสภาพบ้านที่อยู่อาศัยให้แข็งแรงได้ในระยะยาวอีกด้วย
มีจุดไหนในบ้านที่ต้องตรวจสอบบ้าง ไปดูกัน
หลังคารั่ว
ปัญหาที่หลายบ้านต้องเผชิญในช่วงฤดูฝนก็คือหลังคารั่วซึม ทั้งจากการเสื่อมสภาพของวัสดุ และสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งจุดที่รั่วมักเกิดบริเวณรอยต่อหรือขอบที่เชื่อมต่อกับอีกส่วนหนึ่งของบ้าน โดยเฉพาะบริเวณหลังคา เพราะเป็นส่วนแรกที่สัมผัสกับเม็ดฝนเต็ม ๆ วิธีสังเกตว่าบริเวณไหนของบ้านมีรอยรั่วซึมหรือเปล่า ทำได้ด้วยการสังเกตสีของแผ่นฝ้าหรือผนังที่จะกลายเป็นจุดดำ ๆ หรือสีน้ำตาลอ่อนตรงบริเวณที่มีน้ำฝนรั่วไหล
หากบ้านใดกำลังเผชิญกับปัญหาหลังคารั่ว วิธีแก้ไขขึ้นอยู่กับสาเหตุของการรั่วซึม เมื่อแก้ไขได้ถูกจุดแล้ว ปัญหาหลังคารั่วก็จะไม่มากวนใจอีก ฉะนั้น อย่าใช้วิธีซ่อมแซมแบบปฐมพยาบาลเฉพาะหน้า เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย อาจจะบรรเทาปัญหาได้แต่ก็เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ดังนั้น แนะนำให้ปรึกษาช่างมืออาชีพในการตรวจสอบเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการรั่วซึมเสียก่อน แล้วจึงเลือกวิธีแก้ไขที่เหมาะสมกับอาการและงบประมาณของคุณ
ไม้กับความชื้น
ไม้เป็นหนึ่งในวัสดุที่นิยมนำมาตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบานหน้าต่าง ประตู หรือเฟอร์นิเจอร์ไม้ต่าง ๆ เพราะช่วยให้บรรยากาศบ้านดูอบอุ่นขึ้น ทว่า สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความชื้น ที่เป็นเสมือนคู่ปรับกันกับไม้ตลอดกาล และละอองฝนก็นำมาซึ่งความชื้น ทำให้ไม้บวม เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม และเกิดเป็นเชื้อราที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้
สำหรับประเทศไทยที่เป็นสภาพอากาศร้อนชื้นอยู่แล้ว แต่ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นมากเป็นพิเศษ จึงต้องหมั่นตรวจสอบวัสดุไม้ทั้งที่อยู่ในบริเวณบ้านและนอกบ้านว่าโดนความชื้นเล่นงานอยู่หรือไม่ อาจจะเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ให้อยู่ห่างจากประตูหรือหน้าต่างเพื่อป้องกันการโดนละอองฝน หากพบว่ามีเชื้อราควรเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยได้คือการทาสีย้อมไม้เพื่อเคลือบรักษาเนื้อไม้สำหรับไม้ที่อยู่บริเวณกลางแจ้ง
ฟืนไฟเรื่องใกล้ตัว
ไม้ไม่ถูกกับความชื้นฉันใด ไฟฟ้ากับน้ำก็ไม่ถูกกันฉันนั้น… น้ำฝนหรือความชื้นนอกจากอาจทำให้ระบบจ่ายไฟเสียหายจนเกิดการลัดวงจรได้ ภาวะน้ำท่วมยังส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้า เพราะหากเกิดกระแสไฟรั่วไหลอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ฉะนั้น ควรหมั่นตรวจสอบสภาพสายไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ หากพบสายไฟเก่า ชำรุด หรือเสื่อมสภาพควรรีบเปลี่ยนทันที สำหรับปลั๊กไฟที่อยู่นอกบ้านควรมีฝาครอบเพื่อป้องกันความชื้นและละอองฝน นอกจากนี้ไม่ควรเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้หากไม่ได้ใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณห้องครัวที่มีโอกาสเกิดน้ำรั่วซึมเวลาฝนตกได้บ่อยครั้ง
ในช่วงฤดูฝนควรตรวจสอบสภาพบ้านมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นหลังคา เฟอร์นิเจอร์ไม้ ระบบไฟฟ้า พื้น ต้นไม้ เพราะน้ำและความชื้นที่มาจากสายฝนอาจสร้างความเสียหายและส่งผลกระทบสวัสดิภาพของสมาชิกในบ้านได้
ระวัง! พื้นลื่น
อย่างที่ทราบกันว่าการเลือกวัสดุปูพื้นบ้านเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ยิ่งต้องคำนึงถึงเป็นพิเศษ เพราะการที่บ้านมีพื้นที่ลื่นง่ายย่อมเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพของคนในครอบครัว ยิ่งในยามที่ฝนตกก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุจากพื้นลื่นได้มากขึ้น ฉะนั้น บริเวณพื้นที่โดนฝนสาดควรเพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดวัสดุกันลื่น และเช็ดพื้นให้แห้งอยู่เสมอเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ตรวจสอบอุปกรณ์ที่มีน้ำขัง
นี่เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะหากมีน้ำขังจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่ก่อให้เกิดโรคไข้เลือดออก โรคมาลาเรีย และโรคไข้สมองอักเสบ และยังเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคฉี่หนู น้ำกัดเท้าอีกด้วย ควรหมั่นตรวจสอบบริเวณบ้านว่ามีภาชนะ เช่น จานรองกระถาง อ่างน้ำที่ไม่มีรูระบาย อ่างบัว ยางรถยนต์เก่า เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อฝนตกอาจเกิดน้ำขังได้ หากไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วควรหาทางกำจัดให้ถูกวิธี หรือคว่ำภาชนะนั้น ๆ หรือเททรายกำจัดลูกน้ำยุงเทผสมลงไปในน้ำเพื่อตัดวงจรของโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการเลี้ยงปลาในอ่างบัวเพื่อช่วยกินลูกน้ำ
ดูแลพื้นที่สีเขียวของบ้าน
แม้ต้นไม้จะเป็นแหล่งออกซิเจนชั้นดี แต่อย่าลืมว่าต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้บริเวณบ้าน เมื่อฝนเทกระหน่ำ ลมกระโชกแรงหรือพายุ อาจทำให้ต้นไม้หักโค่นหรือกิ่งไม้ไปเกี่ยวถูกสายไฟ สร้างความเสียหายให้กับบ้านของเราหรือบ้านละแวกใกล้เคียงได้ จึงควรหมั่นตัดแต่งกิ่งไม้อยู่เสมอ นอกจากนี้ ยังรวมถึงหมั่นถอนหญ้าและวัชพืชที่เติบโตได้เร็วเป็นพิเศษในช่วงฤดูฝน เพราะหากปล่อยให้หญ้าขึ้นรกอาจเป็นที่อยู่ของสัตว์เลื้อยคลานที่มีพิษได้เช่นกัน