Grid Brief
- มารู้จักธุรกิจสินค้ามือสองในญี่ปุ่น ซึ่งมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในลูกค้ารายสำคัญ พร้อมวิธีทำความสะอาดสินค้ามือสองประเภทต่าง ๆ
สำนักข่าว ANN (เอเอ็นเอ็น) ของญี่ปุ่นทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับกระแสโกดังญี่ปุ่นมือสองที่เป็นที่นิยมในเมืองไทย โดยสืบค้นไปถึงแหล่งที่มาของข้าวของต่าง ๆ ว่ามาจากที่ไหนกันบ้าง
บ้านเก่าแห่งหนึ่งในเมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด ซึ่งไม่มีคนอาศัยอยู่ เนื่องจากเจ้าของบ้านเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน ภายในเต็มไปด้วยข้าวของนานาชนิดทั้งชั้นหนึ่งและชั้นสองที่จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ญาติของผู้ตายจะทุบบ้านหลังนี้ทิ้ง แต่ติดปัญหาตรงที่ต้องหาทางกำจัดข้าวของในบ้านเสียก่อน ครั้นจะนำของเหล่านี้ไปทิ้งก็ต้องเสียค่ากำจัดขยะ แทนที่จะเสียเงิน ทำไมไม่ใช้วิธีที่ทั้งกำจัดของที่ไม่ต้องการและได้เงินไปด้วยเลยล่ะ
ว่าแล้วก็ติดต่อ ‘บริษัทรับซื้อของจากบ้านคนตาย’ ซึ่งเป็นธุรกิจทำเงินที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคมสูงวัยของญี่ปุ่นให้มาจัดการภาระนี้
สำนักข่าวเอเอ็นเอ็นจึงติดตามพนักงานของบริษัทรับซื้อของจากบ้านคนตาย ซึ่งเข้าไปสำรวจข้าวของในบ้านหลังดังกล่าวที่เมืองซัปโปโรที่เจ้าของบ้านเป็นคนสูงวัย เขาได้เจอ ‘ขุมสมบัติ’ มากมาย และถึงขนาดกล่าวออกมาด้วยซ้ำว่า ‘ของแบบนี้คนไทยน่าจะชอบ’ เช่น พัดลมสไตล์เรโทร หิ้งพระ ซึ่งปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะไม่ซื้อของมือสอง แต่ถ้านำมาขายให้คนไทย รับรองว่าขายได้แน่นอน เพราะนอกจากจะทำขึ้นด้วยฝีมืออันประณีตแล้ว ยังเหมาะกับเมืองไทยที่นับถือศาสนาพุธกันเป็นส่วนใหญ่ด้วย หรือตุ๊กตาญี่ปุ่นที่มักเห็นวางโชว์อยู่ตามโกดังญี่ปุ่นมือสองในเมืองไทย ฯลฯ
หลังจากสำรวจทั้งบ้านแล้ว พนักงานประเมินว่า บ้านหลังนี้มีของที่นำไปขายต่อได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
สำนักข่าวเอเอ็นเอ็นตามพนักงานบริษัทรับซื้อของบ้านคนตายไปที่บ้านอีกหลังที่ไร้ผู้อยู่อาศัยแล้วเช่นกัน โดยพบโซฟาในสภาพดีที่ตีราคา 450 เยน หรือประมาณ 105 บาทเท่านั้น! นาฬิกาแขวนผนังราคา 150 เยน หรือ 35 บาท นอกจากนี้ ยังมีแผ่นซีดีเก่า แก้วเจียระไน กล่องเครื่องมือช่างที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์พร้อม ฯลฯ
ข้าวของจากบ้านคนตายเหล่านี้จะถูกขนถ่ายใส่ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งมีปลายทางจุดลงของที่ ‘ประเทศไทย’ นั่นเอง
ทั้งนี้ ของที่ส่งจากญี่ปุ่นมาขายในเมืองไทยรวมเอาของจากแหล่งที่มาอันหลากหลาย ไม่ใช่เป็นของจากบ้านคนตายเท่านั้น เช่น เจ้าของบ้าน (ยังมีชีวิตอยู่) นำมาขายต่อ เพราะไม่ได้ใช้งานแล้ว หรืออาจจะเพราะย้ายบ้าน รวมทั้งนำมาจากบริษัทรับเคลียร์ของซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหญ่มากในญี่ปุ่นกว่า 100,000 บริษัทเลยทีเดียวที่มีใบอนุญาตประกอบกิจการลักษณะนี้
ของในตู้คอนเทนเนอร์จึงเป็นขุมทรัพย์สำหรับพ่อค้าแม่ขายที่ประกอบกิจการโกดังญี่ปุ่นมือสอง โดยของมือสองที่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าชาวไทย เช่น จักรยาน เครื่องดนตรี เครื่องมือช่าง เครื่องครัว เครื่องเขียน โมเดล ฟิกเกอร์ กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า แต่รูปปั้นชิ้นใหญ่รูปทรงประหลาดอย่างตัวทานูกิ หิ้งบูชาพระ บิลลิเคน เทพแห่งโชคลาภ ป้ายภาษาญี่ปุ่น หรือสัญญาณไฟจราจร ฯลฯ น่าแปลกที่มีคนซื้อ และก็ไม่ได้นำไปตกแต่งบ้าน แต่เป็นกิจการคาเฟ่หรือร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่นำไปตกแต่งร้านให้ดูราวกับอยู่ญี่ปุ่นต่างหาก
สำนักข่าวเอเอ็นเอ็นยังติดตามบริษัทคนไทยเจ้าใหญ่ที่ซื้อของมือสองจากโกดังที่ญี่ปุ่น ซึ่งให้ข้อมูลว่า แต่ละเดือนจะส่งของมือสองไปเมืองไทยประมาณ 30 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยไปประมูลสินค้ามาจากโกดังของมือสองในจังหวัดคานากาวะ ซึ่งมีตลาดของมือสองขนาดใหญ่และมีแต่ผู้ประมูลเจ้าใหญ่จากประเทศต่าง ๆ ราว 10 ประเทศ ‘วิ่งแข่งกันไปหยิบของใส่ตะกร้า’
กิจการประมูลโกดังของมือสองญี่ปุ่นมีมาช้านานแล้ว แต่เพิ่งเฟื่องฟูในหมู่คนต่างชาติในช่วง 3-4 ปีมานี้ คนญี่ปุ่นเองก็ยินดี เมื่อของที่คิดว่าไม่มีใครต้องการได้ไปอยู่ในมือคนที่ต้องการ ดีกว่าปล่อยทิ้งให้จมกองฝุ่น แม้ก่อนหน้านี้จะประหลาดใจที่ร้านขายของรีไซเคิลในประเทศตัวเองไม่ค่อยมีคนเข้า แต่ทำไมกิจการยังอยู่ได้ เหตุผลก็เพราะสินค้าประทับตรา Made in Japan เหล่านี้ ต่อให้เป็นของมือสอง หากก็ยังเป็นที่ต้องการในต่างประเทศอยู่ดี ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นร้านขายของลดราคาของโลกด้วยเหตุนี้
วิธีทำความสะอาดของมือสอง
ผู้ประกอบกิจการโกดังญี่ปุ่นมือสองบางแห่งทำความสะอาดสินค้าให้แล้ว แต่หากยังไม่แน่ใจก็อาจทำความสะอาดซ้ำอีกทีก็ได้ตามคำแนะนำดังนี้
- งานพลาสติก นำไปแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วใช้น้ำยาล้างจานหรือสบู่ล้างทำความสะอาดอีกครั้ง
- งานเหล็กหรือโลหะ ใช้ผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว ล้างออกด้วยน้ำยาล้างจานหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ล้างซ้ำด้วยน้ำเปล่า แล้วรีบเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันสนิม
- งานเซรามิก นำไปแช่ในน้ำยาฆ่าเชื้อประมาณ 15 – 30 นาที แล้วนำไปลวกน้ำร้อน ล้างออกด้วยน้ำยาล้างจานและน้ำเปล่า
- งานผ้าหรือเสื้อผ้า แยกผ้าสีและผ้าขาว แช่ผ้าในน้ำยาฆ่าเชื้อผสมกับน้ำสบู่ซักผ้าขาวช่วยขจัดคราบ แช่ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วนำไปซักตามปกติ
- กลิ่นหรือคราบ หากของชิ้นใดมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือคราบฝังแน่น ให้เช็ดหรือแช่ในน้ำผสมเบกกิงโซดาก็จะช่วยกำจัดกลิ่นและคราบออกได้
Cover photo: Freepik