Grid Brief
- หลักสร้างสุขในการทำงานของ Charlie Munger มี 3 ข้อ ได้แก่ ขายในสิ่งที่คุณเองก็จะซื้อหากเป็นลูกค้า ทำงานกับหัวหน้าที่คุณชื่นชมศรัทธา และทำงานที่ชอบกับคนที่คุณอยากทำงานด้วย
ในปี 2566 ที่ Charlie Munger (ชาร์ลี มังเกอร์) เสียชีวิตในวัย 99 ปี เขาไม่แม้จะติดอันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด 1,000 คนแรกของ Forbes ด้วยซ้ำ เพราะเขามีทรัพย์สิน ‘แค่’ 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 86.9 หมื่นล้านบาท…เท่านั้น
เกือบชั่วชีวิตของมังเกอร์ เขาได้สมญานามว่าเป็น ‘มือขวา’ ของ Warren Buffet (วอร์เรน บัฟเฟต) หนึ่งในนักธุรกิจที่รวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นคนชวนให้มังเกอร์โบกมือลาอาชีพทนายความแล้วมาเล่นในสนามธุรกิจด้วยกันมายาวนานกว่า 60 ปี โดยตำแหน่งสุดท้ายของมังเกอร์ก่อนจะเสียชีวิตคือรองประธานกรรมการบริษัท Berkshire Hathaway

มังเกอร์ถือหลักการเรียบง่ายในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นที่รู้จักธุรกิจนั้น ๆ เป็นอย่างดีแล้วอย่าขาย ใช้ชีวิตเป็นแบบแผนทุกวันด้วยการอ่านหนังสือทุกด้าน นอกเหนือไปจากเรื่องธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ฯลฯ วันละ 8 ชั่วโมง
รวมไปถึง หลักการสร้างสุขในการทำงาน 3 ข้อ ที่มังเกอร์กล่าวถึงว่าช่วยเขาได้เสมอ และ “เชื่อว่าจะช่วยคนทำงานรุ่นใหม่ในการตัดสินใจในการทำงานได้” ดังนี้
- อย่าขายอะไรก็ตามที่ตัวเองคุณจะไม่ซื้อ
วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการได้มาซึ่งสิ่งที่คุณต้องการ ก็คือพยายามทำตัวให้คู่ควรจะได้สิ่งนั้น ๆ นี่คือแนวคิดอันเรียบง่ายอย่างยิ่ง และเป็น ‘กฎทองคำ’ ในการทำงานของมังเกอร์ที่เชื่อเสมอมาว่า คุณต้องขายสินค้า/บริการที่ตัวคุณเองก็จะซื้อหากว่าคุณเป็นลูกค้า
หากว่าคุณยึดถือกฎทองคำนี้ คุณจะไม่ได้มาแค่เงินตราและการได้รับเกียรติเท่านั้น แต่ยังได้รับความเคารพนับถือและความไว้วางใจจากใครก็ตามที่คุณทำธุรกิจด้วย ซึ่งชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือคือสินทรัพย์ทรงคุณค่าที่สุดของคนทำงาน และแน่นอนว่าได้มายาก หากก็สูญเสียไปได้ง่ายในชั่วพริบตาเช่นกัน
- อย่าทำงานกับคนที่คุณไม่นับถือและชื่นชม
หนึ่งในสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดก็คือ ทำงานกับคนที่คุณไม่รู้สึกชื่นชมและไม่อยากกลายไปเป็นคนเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเขาคนนั้นคือหัวหน้าหรือเจ้านายของคุณยิ่งแล้วใหญ่ “เป็นเรื่องอันตราย” มังเกอร์กล่าว เพราะไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งเล็กหรือใหญ่ คนทำงานทุกคนล้วนต้องการพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่ตนรู้สึกว่าควบคุมได้หรือมีอำนาจในการตัดสินใจ และหากเราตกอยู่ใต้อำนาจของหัวหน้าที่มีอำนาจให้คุณให้โทษในการทำงานให้เราได้ การต้องรับมือกับหัวหน้าที่คุณไม่ชอบขี้หน้าจึงเป็นเรื่องขมคอ ยกเว้นแต่คุณมีทักษะในการมองข้ามสิ่งไม่น่าอภิรมย์และเก็บสีหน้าได้อย่างแนบเนียน
หากคุณมีหัวหน้าที่ตัวเองไม่ศรัทธา ก็น่าเสียดายที่ต้องเสียเวลาและเสียพลังชีวิต ในทางตรงกันข้าม หากคุณเจอหัวหน้าที่นับถือได้อย่างจริงใจ คุณจะมีใจอยากทำงานให้ดีขึ้นและมีแบบอย่างในการทำงานที่ดี เพื่อที่วันหนึ่งคุณอาจได้เป็นหัวหน้าที่ลูกน้องชื่นชมนับถือได้อย่างบริสุทธิ์ใจเช่นกัน

- ทำงานกับคนที่อยากทำงานด้วยเท่านั้น
มังเกอร์ค้นพบว่า เราทุกคนล้วนเป็นเลิศในศาสตร์ใดก็ได้ หากทุ่มเทความสนใจเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ อย่างจริงจังมากพอ หรือเชี่ยวชาญพอประมาณได้ในบางเรื่องหากว่าบังคับตัวเองมากสักหน่อย แต่สำหรับมังเกอร์แล้ว เขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ดีเลยหากว่าไม่เอ็นจอย และไม่ได้ทำกับคนที่เขาอยากจะทำสิ่งนั้น ๆ ไปด้วยกัน เพราะไม่มีงานใดสำเร็จได้ตัวคนเดียวโดยปราศจากทีมเวิร์กที่ดี
มังเกอร์จึงขายสิ่งที่ตัวเองก็จะซื้อหากเขาเป็นลูกค้า ทำงานกับหัวหน้า/เพื่อนร่วมงานที่เขาชื่นชมศรัทธา และเลือกทำในสิ่งที่ชอบกับคนที่เขาพึงพอใจ
โชคดีที่เขาพบทุกอย่างในหุ้นส่วนและเจ้านายที่ร่วมงานกันมากว่า 60 ปีที่ชื่อ วอร์เรน บัฟเฟต ซึ่งช่วยกันกับมังเกอร์พลิกฟื้น Berkshire Hathaway จากโรงงานสิ่งทอเล็ก ๆ ให้กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจมูลค่า 954.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33 ล้านล้านบาท…เท่านั้น