Grid Brief

  • ชวนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ด้วย 5 ตัวช่วยปรับวิถีการทำงาน ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพดีในองค์กรที่ทำง่ายและได้ผลจริง
  • หากทุกคนในองค์กรตั้งแต่ระดับผู้บริหารถึงพนักงานพร้อมใจปรับเปลี่ยนวิถีการทำงาน จะทำให้พฤติกรรมสร้างสุขภาพนี้เกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างยั่งยืน
  • ผลลัพธ์ในการปรับวิถีการทำงานนี้จะทำให้ทุกคนมีสุขภาพกายใจที่ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างขวัญกำลังใจให้คนทำงาน ตลอดจนสร้างความรัก สามัคคี และความภักดีต่อองค์กรได้จริง

การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในองค์กร มีความสัมพันธ์กับการสร้างผลิตภาพ (Productivity) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ (Effectiveness) ในการทำงาน ตลอดจนสร้างความรักความสามัคคี (Teamwork) ขวัญกำลังใจ (Courage) และความภักดีต่อองค์กร (Royalty) ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเราอยากให้ลองนำไปปรับใช้กันดู กับ 5 ตัวช่วยปรับวิถีการทำงานให้เฮลตี้ รับปีใหม่ พ.ศ.2564 ว่าได้ผลอย่างที่บอกไว้หรือไม่

ป่วยต้องหยุดพัก เพื่อหยุดการแพร่เชื้อ

ผู้หญิงใช้ทิชชูปิดจมูกขณะจาม ในมือถือแก้วมัค มีโน้ตบุ๊กวางบนตัก และแนบมือถือไว้ที่ข้างแก้ม

มีคนทำงานไม่น้อยที่เลือกแสดงความรับผิดชอบต่องานด้วยการฝืนมาทำงานทั้งๆ ที่กำลังป่วย และหลายครั้งมักป่วยเป็นโรคที่ติดต่อกันง่ายอย่างไข้หวัด ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีกับหน่วยงานและเพื่อนร่วมงานเลย เพราะคุณกำลังกลายเป็นคนแพร่เชื้อโรคให้กับทุกคนในองค์กรอยู่

ดังนั้น ในฐานะเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาจึงควรแสดงความเป็นห่วงและเห็นอกเห็นใจคนที่เจ็บป่วย ไม่ใช่การกดดันให้พนักงานที่ป่วยต้องมาทำงานทั้งที่ยังป่วย คนเป็นหัวหน้าควรสั่งให้หยุดงานเพื่อไปพบแพทย์และพักผ่อนร่างกายให้หายดีเสียก่อน หรือหากยังมีอาการป่วยไม่มากและยังพอทำงานไหว ก็ควรให้ทำงานที่บ้านก่อน จนแน่ใจว่าหายป่วยแล้วค่อยกลับมาทำงาน

หากสร้างพฤติกรรมนี้ให้เกิดขึ้นในที่ทำงาน ย่อมเกิดผลดีและเป็นต้นแบบของบันไดขั้นที่หนึ่ง ซึ่งสร้างวิถีการทำงานในแบบ New Normal ให้เกิดขึ้นในองค์กรได้อย่างแท้จริง


แทนที่ของหวานด้วยอาหารสุขภาพ

ถือโอกาสจัดโต๊ะทำงานให้เป็นเขตปลอดขนมขบเคี้ยวและของหวานที่ทำลายสุขภาพ พร้อมปรับเปลี่ยนนิสัยการทำงานไป กินขนมไป ส่วนออฟฟิศที่มีห้องอาหารเล็กๆ ไว้ให้พนักงานพักเบรก ซึ่งเต็มไปด้วยขนม ของขบเคี้ยว หรือน้ำอัดลม ให้เปลี่ยนมาเป็นผลไม้ น้ำวิตามิน ถั่วหรือธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทน หากมีการจัดเลี้ยงในออฟฟิศ ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งพิซซ่าหรือฟาสต์ฟู้ดอย่างที่เคยสั่ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัด หรือ แร็พสลัด (Wrap) ดูบ้าง รับรองว่าดีต่อสุขภาพของทุกคนแน่นอน

ภาพผู้ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคนกำลังนั่งสมาธิ

คลาสฝึกทักษะหลากหลาย

คลาสโยคะ ไทชิ จัดสวน เต้นแอโรบิก ไปจนถึงคลาสการจัดการความเครียด หรือ Stress Management กิจกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยเติมเต็มให้คนทำงานรู้สึกว่าชีวิตมีสีสัน ไม่ได้หมกมุ่นอยู่แค่การทำงาน องค์กรอาจทำแบบสำรวจทางอีเมลหรือเครือข่ายโซเชียลมีเดียว่าพนักงานส่วนใหญ่สนใจในกิจกรรมใดเป็นพิเศษหรือไม่ 

นอกจากนั้น หลายองค์กรยังสามารถประหยัดค่าวิทยากรได้ ด้วยการสอบถามพนักงานว่าใครมีทักษะหรือชำนาญด้านไหนแล้วมีจิตอาสา ในการสอนหรือแบ่งปันทักษะนั้นให้เพื่อนร่วมงานได้หรือไม่ จากนั้นก็จัดกลุ่มตามความสนใจของพนักงาน


ลดความเครียดด้วยกิจกรรมเพื่อสุขภาพ

ลองจัดให้มีการทำกิจกรรมหรือการแข่งกีฬาในองค์กรในช่วงพักเที่ยง ก่อนเลิกงาน หรือในวันหยุด จะเป็นการวิ่งหรือเดิน การปั่นจักรยาน หรือการแข่งแบดมินตันก็ได้ ได้ทั้งสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ความสามัคคีในหมู่คณะ และ ช่วยคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี

ในช่วงแรกคณะผู้บริหารองค์กรจำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นแบบอย่างเสียก่อน และ เป็นแรงผลักดันให้พนักงานทุกคนเข้าร่วมแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ

ภาพหนุ่มสาวหลายคนกำลังประชุมกันบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ภายนอกอาคาร

ประชุมนอกสถานที่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ (บ้าง)

วันไหนที่อากาศสดใส ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาประชุมนอกสถานที่กันดูบ้างก็เป็นความคิดที่ดี เพราะการออกจากห้องทำงานสี่เหลี่ยมเพื่อไปนั่งกินลมชมธรรมชาติรอบตัวบ้าง อาจจะกินข้าวและประชุมใต้ร่มไม้ บางทีความคิดสร้างสรรค์ดีๆ จากทีมงานแบบคาดไม่ถึงอาจเกิดขึ้นได้ หรือถ้าคนในทีมไม่ว่างพร้อมกัน หัวหน้างานอาจเปิดโอกาสให้พนักงานนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปทำงานนอกสถานที่ได้ วิธีนี้ช่วยให้พนักงานสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพได้

ที่มา : บทความ 5 Ways to Encourage Healthy Habits in the Workplace
https://careerattraction.com/5-ways-encourage-healthy-habits-workplace