Grid Brief
- โครงการ Tapestry โดย Google X ร่วมมือกับ Coordinador Eléctrico Nacional (CEN) หน่วยงานรับผิดชอบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศชิลี ทำโครงการทดสอบ ‘Tapestry Grid Planning Tool’ เครื่องมือเอไอสุดล้ำของ Google X ที่ได้ผลลัพธ์เกินคาดคิด เมื่อช่วยให้ชิลีร่นระยะเวลาเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินไปใช้พลังงานสะอาดได้เร็วขึ้นถึง 10 ปี
‘Tapestry’ คือ โปรเจกต์ระดับ ‘Moonshot’ จาก Google X ที่ช่วยให้ประชากรกว่า 20 ล้านคนในประเทศชิลีเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินไปใช้พลังงานสะอาด จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2583 ได้เร็วขึ้น 10 ปี
โปรเจกต์ Moonshot คืออะไร
Moonshot เป็นคำที่ใช้ครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี แห่งสหรัฐอเมริกาที่ริเริ่มส่งจรวดไปสำรวจดวงจันทร์ในปี 2512 ดังนั้น โครงการใด ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเป้าหมายที่เกิดขึ้นครั้งแรกและทะเยอทะยานสูง ดังเช่นภารกิจส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ จึงเรียกว่า ‘Moonshot’
ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าจะสร้าง Google Map เป็นแผนที่ให้กับอิเล็กตรอนได้สำเร็จ โดยนับตั้งแต่ปี 2564 Tapestry โครงการทดลองของ Google X เดินหน้าใช้เอไอมาช่วยในการวางแผนและดำเนินการวางโครงข่ายไฟฟ้าของชิลี เพื่อให้ประเทศที่มีภูมิศาสตร์สุดท้าทาย ด้วยพื้นที่ทั้งแคบมากและยาวเหยียดที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง (4,300 กิโลเมตร) จากทะเลทรายอาตาคา หนึ่งในทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดของโลกทางตอนเหนือ ผ่านพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงอาทิตย์สูงที่สุดในโลก ไปยังปาตาโกเนีย ภูมิภาคตอนใต้สุดของอเมริกาใต้ที่เต็มไปด้วยลมพัดแรง
โครงการ Tapestry ของ Google X ทำให้ปฏิบัติการวางโครงข่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสำเร็จเร็วขึ้นถึง 10 ปีได้อย่างไร?

โครงการข่ายไฟฟ้าระดับชาติ
โครงการ Tapestry โดย Google X ร่วมมือกับ Coordinador Eléctrico Nacional (CEN) หน่วยงานรับผิดชอบโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศชิลี โดยทำโครงการนำร่องเพื่อทดสอบว่า ‘Tapestry Grid Planning Tool’ เครื่องมือเอไอสุดล้ำของ Google X จะช่วยร่นระยะเวลาเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินไปใช้พลังงานสะอาดได้เร็วขึ้นหรือไม่
ภายใน 3 ปีหลังจากเริ่มทำโครงการ ปรากฏว่า Tapestry ช่วยให้ CEN สร้างแบบจำลองการวางโครงข่ายไฟฟ้าเร็วขึ้น 86% และสามารถจำลองโครงข่ายไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ในคราวเดียวกันได้มากขึ้น 30 เท่า ส่งผลให้ชิลีเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดได้เร็วกว่าเดิม 10 ปี จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2583 เป็นปี 2573 หลังจากที่โครงการ Tapestry เดินหน้านำเอไอไปใช้งานจริงในปีนี้
ความสำเร็จของโครงการทดลองนี้อาจทำให้ชิลีกลายเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณที่ถูกดูดซับกลับคืนมาผ่านป่าหรือวิธีการอื่น) ซึ่งจะส่งผลในทางบวกต่อคุณภาพชีวิตของประชากรในชิลีกว่า 20 ล้านราย
เอไอนักวางแผน
Tapestry Grid Planning Tool ใช้เอไอเข้ามาช่วยสร้างแบบจำลองโครงข่ายไฟฟ้าทั่วทั้งประเทศชิลีแบบชั่วโมงต่อชั่วโมงในห้วงระยะ 20 ปีได้อย่างเห็นภาพ
เครื่องมือเอไอตัวนี้ฟังดูล้ำยุคมาก ทว่า สร้างขึ้นบนอินเทอร์เฟซพื้นฐานที่ใช้งานกันเป็นปกติอยู่แล้วอย่างกูเกิลแมป โดยเอไอสร้างโครงข่ายไฟฟ้าจำของเหนือกูเกิลแมปอีกชั้น แล้วทดสอบฉากทัศน์ต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจ่ายไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นภาวะแล้ง วันที่กระแสลมต่ำ คลื่นความร้อนสูง หรือแม้แต่การมีสถานีชาร์จรถอีวีเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ
ในการทดลองใช้เครื่องมือเอไอ ทางโครงการ Tapestry จำเป็นต้องได้ไฟเขียวให้เข้าถึงคลังข้อมูลของประเทศชิลีได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เช่น ข้อมูลของพยากรณ์อากาศ แบบแผนการจ่ายไฟตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงความต้องการการใช้กระแสไฟฟ้า และกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าทั้งประเทศ
ข้อมูลเหล่านี้อาจเข้าถึงได้ยากในหลายประเทศ ทว่า รัฐบาลชิลีกำจัดกำแพงขวางกั้นการทดลองไปจนหมดสิ้น และนี่คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่โครงการ Tapestry โดย Google X เลือกทดลองใช้เครื่องมือเอไอนี้ที่ชิลีเป็นแห่งแรกในโลก นอกจากจะเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้ทุกภาคส่วนแล้ว โครงการ Tapestry ยังทดสอบใช้ในโลกจริง ไม่ใช่แค่ทำการทดลองในห้องแล็บเท่านั้น
ส่วนเหตุผลที่ชิลีให้ไฟเขียวโครงการนี้ก็เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียว คือการเร่งเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินไปสู่พลังงานสะอาดให้เร็วที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่เร็วขึ้น 10 ปี แต่ยังมีประสิทธิภาพมากขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับเครื่องมือเดิมที่มีอยู่
ขณะที่เป้าหมายของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google X คือการนำโซลูชันของโครงการ Tapestry ไปเสนอขายแก่ประเทศต่าง ๆ โดยระหว่างทำโครงการทดลองที่ชิลี ทาง Tapestry ยังนำเครื่องมือเอไอตัวนี้ไปทดสอบในอีก 5 ประเทศ (ไม่เปิดเผยรายชื่อ) ทว่า ชิลีเป็นประเทศแรกที่ประสบความสำเร็จในโครงการระดับชาติ ซึ่งโครงการ Tapestry โดย Google X ยังไปคว้า SEAL Sustainable Innovation Award 2025 รางวัลที่มอบให้กับนวัตกรรมสุดล้ำระดับพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลกให้มีความยั่งยืนยิ่งขึ้นได้