Grid Brief
- รู้ไหมว่า คริปโตเคอร์เรนซีไม่ใช่บล็อกเชน เพราะคริปโตฯ เป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่ ส่วนเทคโนโลยีบล็อกเชนคือระบบที่กำลังจะเปลี่ยนโลกแห่งการเงินในอีกไม่นานนี้
- เมื่อปี 2564สาขาของธนาคารในอเมริกาปิดตัวลงไปเกือบ 3,000 แห่ง เพราะพบว่ามีผู้บริโภคหันไปใช้ระบบธนาคารในมือถือมากขึ้นกว่าเดิม
- ธนาคารทั่วโลกกำลังปรับตัว ลดบทบาทในฐานะตัวกลางแบบเดิม สู่ผู้นำด้านการเงินในโลกดิจิทัล นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่
คนในสมัยหนึ่งเคยเชื่อว่าโทรเลขเป็นสุดยอดนวัตกรรมสำหรับการสื่อสารทางไกล จนโลกได้รู้จักกับโทรศัพท์และอีเมล โทรเลขจึงกลายเป็นเพียงเรื่องราวในพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ศึกษาเท่านั้น มนุษย์อยู่คู่กับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ดิจิทัลทำให้ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันมาเร็วขึ้น และเรียกร้องให้มนุษย์ต้องเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ ปัจจุบันวิถีการใช้เงินของคนไทยกำลังเปลี่ยนแปลงในระดับพฤติกรรม คนส่วนใหญ่ไปธนาคารน้อยลง พกเงินสดน้อยลง ในขณะเดียวกันก็คล่องแคล่วกับการใช้โทรศัพท์มือถือทำธุรกรรมมากขึ้น
ถ้าคิดว่าวิถีชีวิตแบบนี้คือนิยามของคำว่าทันสมัย ลองจินตนาการถึงวันที่มนุษย์จะกู้เงินกันเองโดยไม่ต้องมีธนาคาร หรือคนทั้งโลกอาจใช้สกุลเงินเดียวกันทั้งหมด สมมติฐานนี้เป็นจริงได้ด้วย ‘บล็อกเชน’
และนี่คือทั้งหมดที่คุณควรรู้ให้ทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
‘บล็อกเชน’ ไม่ใช่สกุลเงิน แต่เป็นระบบ
รู้ไหมว่าเวลาที่ทุกคนโอนเงินด้วยโทรศัพท์มือถือจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่ง เงินจำนวนนั้นไม่ได้เดินทางเข้าไปยังบัญชีปลายทางโดยตรง แต่จะผ่านฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากนั้นเงินจำนวนดังกล่าวค่อยไปปรากฏในบัญชีผู้รับ กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที เพราะมีเทคโนโลยีอันชาญฉลาดและรวดเร็ว ประกอบกับส่วนต่อประสานงานกับผู้ใช้ (User Interface) ที่ถูกออกมาแบบมาให้ใช้งานง่าย โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพียงอำนวยความสะดวกให้เงินเข้าและออกตรงตามต้องการได้อย่างสม่ำเสมอ
เห็นไหมว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบปฏิบัติการเบื้องหลังการโอนเงินหน้าตาเป็นแบบไหน แค่มีธนาคารในฐานะตัวกลางที่ไว้ใจได้มาให้บริการก็มั่นใจแล้ว
เรากำลังอธิบายกระบวนการโอนเงินผ่านมือถือในปัจจุบัน เพื่อเปรียบเทียบกับโลกอนาคตที่กำลังมาถึง โดยอาศัยเทคโนโลยีที่เรียกว่าบล็อกเชน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเพียงระบบ หรือเป็นตัวกลางสำหรับประมวลผลและกระจายข้อมูล ส่วนคริปโตเคอร์เรนซี หรือสกุลเงินแบบดิจิทัลนั้นเป็นเพียงหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำธุรกรรมผ่านบล็อกเชนได้ โดยจะไม่มีการเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ แต่จะกระจายข้อมูลต่าง ๆ ให้ทุกคนได้รับรู้อย่างเท่าเทียมกัน เช่น
ถ้าหาก นาย ก. ต้องการยืมสินทรัพย์ดิจิทัลของ นาย ข. ข้อมูลการโอนถ่ายสินทรัพย์ดังกล่าวจะถูกบันทึกไว้และปรากฏให้ทุกคนได้เห็น โดยนาย ข. มีสิทธิขอเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบวินัยทางการเงินของนาย ก. ว่าสมควรจะให้ยืมไหม ข้อมูลเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงได้ยาก และนาย ข. ยังไปตรวจสอบกับคนอื่นได้ด้วยว่าข้อมูลที่ได้รับจากนาย ก. นั้นตรงกันไหม เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการให้ยืมสินทรัพย์
สถิติของธนาคารทั่วโลก ‘10 ปี ปิด 60,000 สาขา’
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ธนาคารหลายแห่งได้ปิดสาขาตัวเองลง เพราะธุรกรรมทางการเงินได้ย้ายสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ตัวเลขจากสหรัฐอเมริกาพบว่ามี ธนาคารปิดตัวลงถึง 2,927 สาขาในปี 2564 เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีธนาคารปิดสาขาไปแล้วกว่า 1,000 แห่งในรอบ 4 ปี ยิ่งถ้าหากดูตัวเลขตลอด 10 ปีที่ที่ผ่านมาจะพบว่า มีธนาคารจากทั่วโลกปิดสาขาไปแล้วมากกว่า 60,000 แห่ง ค่าธรรมเนียมที่หายไปจากการทำธุรกรรมเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้ธนาคารต้องปิดสาขาลง เพราะโดยปกติธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ย การลงทุนในธุรกิจอื่น และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกทั้ง การปิดสาขายังช่วยให้ธนาคารลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและค่าเช่าสถานที่ได้อีกด้วย
แม้เศรษฐกิจในปี 2564 จะมีความผันผวนสูง เพราะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่แวดวงการเงินกลับร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คนรุ่นใหม่สนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่ารัฐบาลในหลายประเทศยังไม่มีกฎหมายรองรับ เช่นเดียวกับหลายธุรกิจที่หันมาทำการตลาดด้วยการรับชำระสินค้าเป็นสกุลเงินดิจิทัล ในฐานะสถาบันการเงิน ธนาคารบางแห่งเริ่มปรับตัวเพื่อคงสถานะการเป็นตัวกลางของตัวเองเพื่อรักษาพื้นที่ทางการตลาดของตัวเองเอาไว้ เช่น ซื้อกิจการศูนย์ซื้อขายดิจิทัล (Digital Asset Exchange) หรือจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ร่มเดิมเพื่อศึกษาและพัฒนาธุรกิจการเงินธนาคารในยุคดิจิทัล ไม่ให้ตกขบวนรถไฟแห่งความเปลี่ยนแปลงที่วิ่งเร็วและแรงขึ้นทุกวัน
ธนาคารทั่วโลกกำลังปรับตัว ลดบทบาทในฐานะตัวกลางแบบเดิม สู่ผู้นำด้านการเงินในโลกดิจิทัล นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่
สำหรับบุคคลทั่วไปอาจรู้สึกว่าตลาดในโลกดิจิทัลนั้นน่ากลัวและเสี่ยงเกินกว่าที่จะลงไปร่วมลงทุนด้วย แต่อย่างหนึ่งที่โลกใบนี้บอกเสมอคือไม่มีใครหนีการเปลี่ยนแปลงได้ สถานการณ์ปัจจุบันอาจเป็นเพียงช่วง ‘ฝุ่นตลบ’ ที่ทุกคนพยายามจัดการและหาข้อตกลงร่วมที่ดีที่สุดเพื่อก้าวต่อไปในโลกอนาคต การศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างและแนวคิดจะทำให้คุณได้เปรียบไปหนึ่งก้าว เมื่อประดิษฐกรรมนั้นถูกนำมาใช้จริง
แน่นอนว่าการลงทุนอย่างปลอดภัยยังเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนพูดถึงอยู่เสมอ ครั้งหน้าเราจะมาพูดถึง Smart Contract หรือกระบวนการทางดิจิทัลที่กำหนดขั้นตอนการทำธุรกรรมโดยอัตโนมัติไว้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ซึ่งจะเป้นโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ที่สำคัญมากในระบบการเงินของอนาคต