Grid Brief

  • GEMIO แบรนด์นวัตกรรมยางที่นำยางพาราของไทยและผ้าไทยงานฝีมือจากชุมชนต่าง ๆ มาทำรองเท้า ซึ่งเศษผ้าที่เหลือได้ใช้ภูมิปัญญานำยางพารามาผสมกับเศษผ้า จนได้เป็นยางอีโคที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม
  • ยางพารามีคุณสมบัตินำไปรีดแผ่นได้ใหม่และใส่วัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของยางได้ เช่น เศษผ้าเป็นเส้นใยที่ช่วยทำให้การยึดติดดีขึ้น เมื่อนำมาผสมกับยางจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ยางได้ เกิดเป็นยางนวัตกรรม ‘Eco2 Surface’ ที่ทำพื้นรองเท้า ก้นกระเป๋า และของแต่งบ้านต่าง ๆ ได้
  • นอกจากนี้ แบรนด์ GEMIO ยังคิดค้นยางนวัตกรรมใหม่ ๆ อีก 2 แบบ ได้แก่ Eco2 Fuse เป็นยางผสมเศษผ้าครามได้ยางสีฟ้าสวยงาม และ Eco2 Shine ยางผสมเศษไม้สักที่มีพื้นผิวลื่นมันวาว ซึ่งยางอีโคทั้งสามชนิดนี้จดสิทธิบัตรเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในโลก

จากโรงงานรองเท้าที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี ได้ต่อยอดกลายเป็นแบรนด์ไทยที่สร้างยางนวัตกรรมได้เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในโลกในนาม GEMIO ซึ่งถือเป็นโมเดลธุรกิจที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมายกระดับความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน ที่เรียกว่า Bio-Circular-Green Economy (BCG) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว

GEMIO โดดเด่นด้านการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ที่สำคัญยังเป็นวัตถุดิบที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ นั่นคือผลงานการคิดค้นยางอีโค Eco2 Surface ที่ได้จดสิทธิบัตรเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในโลก ซึ่งมีที่มาจากการใช้ผ้าไทยงานทอมือจากชุมชนต่าง ๆ มาทำรองเท้า ทำให้มีเศษผ้าเหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก จึงมีการใช้ภูมิปัญญาคิดหาทางนำเศษผ้าไทยที่มีมูลค่าเหล่านี้กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง

เมื่อพิจารณาจุดเด่นของยางพาราและผ้าไทยแล้วก็พบว่า ยางพารามีคุณสมบัติที่สามารถนำไปรีดเป็นแผ่นได้ใหม่ และยังเติมวัตถุดิบต่าง ๆ เพิ่มคุณสมบัติของยางได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเศษผ้าทอที่เหลือจากการทำรองเท้า ถือเป็นเส้นใยที่ช่วยให้เกิดการยึดติดที่ดีขึ้น จึงน่าจะเพิ่มความแข็งแรงให้ยางพาราได้มากขึ้น

Credit: GEMIO

กระบวนการทดลองจึงเริ่มขึ้นโดยนำเศษผ้าไปสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Reuse) แล้วนำไปผสมกับยางที่เหลือจากการตัดพื้นรองเท้า (Recycle) ก่อนจะนำยางที่ผสมด้วยสูตรเฉพาะนี้ไปเข้ากระบวนการอบยางด้วยเทคโนโลยี Vulcanization ซึ่งเป็นการขึ้นรูปด้วยมือแบบดั้งเดิมเพื่อให้คงรูป จนได้วัสดุใหม่ในชื่อว่า ยางผสมเศษผ้า ‘ECO 2 Surface’

Credit: GEMIO

ยางอีโคชนิดใหม่นี้มีคุณสมบัติที่ดีกว่าเดิม นั่นคือ แข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่นพอดี ไม่นิ่มยวบ ผิวสัมผัสดี มีความมันวาว ทนต่อแรงดึง กันลื่นได้ ทั้งยังมีลวดลายสวยงามจากการกระจายตัวของเศษผ้าบนเนื้อยางอีกด้วย

นอกจากเศษผ้าไทยทอมือที่นำมาผสมในยางพาราแล้ว GEMIO ยังมีเศษผ้าย้อมครามที่ใช้ทำรองเท้าด้วยเช่นกัน เมื่อทดลองผสมยางพารากับเศษผ้าครามที่ไม่ได้ให้เป็นชิ้นเล็กฝอยเหมือนอย่างเศษผ้าทอ ผลที่ได้คือยางสีครามสวยและมีผิวสัมผัสสวยงาม โดยให้ชื่อยางรุ่นนี้ชื่อว่า ‘Eco2 Fuse’

ส่วนเศษไม้สักจากโรงงานเฟอร์นิเจอร์ เมื่อนำมาผสมกับยางพาราแล้วได้เป็น ‘Eco2 Shine’ คือยางที่มีพื้นผิวลื่นมันวาว กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย ไม่ปริแตกง่าย มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น และแข็งแรงทนทานมากขึ้น

ยางอีโคทั้งสามรุ่นนี้สามารถนำไปต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้มากมาย เช่น พื้นรองเท้า ก้นกระเป๋า ของแต่งบ้านหรือส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์ โดย GEMIO จะนำยางนวัตกรรมทั้งสามชนิดนี้ไปจัดแสดงในฐานะวัสดุผลิตของแต่งบ้านแบบใหม่ที่นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มและต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ตามแนวคิดของ BCG ในงาน Circular Economy ที่ห้องจัดแสดงวัสดุที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ Thailand Creative & Design Center (TCDC) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) Creative Economy Agency (CEA) ต่อไป สายแต่งบ้านเตรียมรอสัมผัสยางอีโคระดับโลกที่เกิดจากภูมิปัญญาคนไทย หรือสัมผัสได้เลยกับรองเท้ารุ่นต่าง ๆ ของ GEMIO ที่ใช้ยางนวัตกรรมทั้งสามชนิดนี้มาทำรองเท้าเพื่อสุขภาพดีไซน์สวย ทันสมัย และสนับสนุนผ้าทอชุมชนตามแนวคิด ‘ไม่ต้องรอให้อายุมากแล้วค่อยใส่รองเท้าเพื่อสุขภาพ’

Cover Illustration โดย ANMOM


ที่มา