Grid Brief
- แนวโน้มหลักในเซ็กเมนต์พลังงานสีเขียว (Green Energy) ที่น่าจับตาในปี 2568 จะได้เห็นพลังงานหมุนเวียนจะครองส่วนแบ่งมากขึ้นในการจ่ายไฟฟ้า การผลิตกรีนไฮโดรเจนจะเพิ่มขึ้น 4 เท่า ตลาดสมาร์ตกริดจะมีเงินหมุนเวียนทะลุ 4 ล้านล้านบาทในปี 2568 มีคนทำงานด้านพลังงานสะอาด 14 ล้านอัตราทั่วโลก และจะมีเงินลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกเกิน 68 ล้านล้านบาท
เซ็กเมนต์พลังงานสีเขียว (Green Energy) ของโลกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จากการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของยุคเอไอ มาตรการทางกฎหมายของนานาประเทศ และความจำเป็นเร่งด่วนที่ทั่วโลกต้องร่วมกันลดอุณหภูมิโลกให้ได้อย่างน้อย 1 – 1.5 องศา ภายในปี 2593
นี่คือเทรนด์ใหญ่ด้านพลังงานสีเขียวในปี 2568
- พลังงานหมุนเวียนจะครองส่วนแบ่งมากขึ้นในการจ่ายไฟฟ้า
ในปี 2568 พลังงานหมุนเวียนจะคิดเป็น 35% ของการจ่ายกระแสไฟฟ้าทั่วโลก นำหน้าถ่านหินที่เคยเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกมายาวนาน โดยแหล่งพลังงานหมุนเวียนหลักจะมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 15-20% ต่อปี และพลังงานลมที่คาดว่าจะเติบโต 12% ต่อปี
โดย ณ ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดในโลก ซึ่งช่วยสร้างแหล่งพลังงานหมุนเวียนใหม่มากกว่า 60% ส่วนยุโรปตั้งเป้าว่าจะหันไปใช้ไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานหมุนเวียน 70% ภายในปี 2573 ขณะที่อินเดียคือหนึ่งในประเทศที่เปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดที่เติบโตไวอย่างน่าจับตา ได้ปักหมุดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล 500 กิกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็น 50% ของการใช้พลังงานหลากหลายประเภทที่อินเดียใช้อยู่ ครัวเรือนต่าง ๆ จะใช้ไฟฟ้าจากหลังคาโซลาร์เซลล์ 10 ล้านหลัง โดยรัฐบาลทุ่มงบสนับสนุนนโยบายนี้เป็นเงินถึง 223,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 7.6 ล้านล้านบาท
- การผลิตกรีนไฮโดรเจนจะเพิ่มขึ้น 4 เท่า
กำลังการผลิตกรีนไฮโดรเจนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 87,000 ตันในปี 2565 เป็นมากกว่า 400,000 ตันในปี 2568 จากความต้องการในกลุ่มอุตสาหกรรมหนักและการขนส่ง โดยยุโรปลงทุนในโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านยูโร ส่วนสหรัฐอเมริกาเติมเงินในโครงการ Hydrogen Earthshot ไปแล้วกว่า 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้านออสเตรเลียเพิ่มความสามารถในการส่งออกกรีนไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นจากโครงการพลังงานสะอาดต่าง ๆ เช่น The Australian Renewable Energy Hub (AREH) ที่ตั้งเป้าการผลิตกรีนไฮโดรเจนให้ได้ปีละ 1.8 ล้านตันภายในปี 2573 ที่สำคัญ สำนักวิจัย BloombergNEF ยังคาดการณ์ด้วยว่า สัดส่วนการผลิตกรีนไฮโดรเจนจะคิดเป็น 20-25% ของความต้องการพลังงานทั่วโลกภายในปี 2593
- ตลาดสมาร์ตกริดจะมีเงินหมุนเวียนทะลุ 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สมาร์ตกริด (Smart Grid) คือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีเหล่านั้น ตลอดทั้งห่วงโซ่ของระบบไฟฟ้า ตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้า ไปจนถึงภาคส่วนของผู้บริโภค และจะกลายเป็นการปฏิวัติการบริหารจัดการพลังงานของโลก ด้วยการตรวจสอบข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ พยากรณ์การซ่อมบำรุง และพัฒนาโครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงคาดว่าตลาดสมาร์ตกริดจะเติบโตขึ้นจาก 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 เป็น 121,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4 ล้านล้านบาทในปี 2568
โดยยุโรปได้ลงทุนในนวัตกรรมสมาร์ตกริดผ่านมาตรการ Green Deal เป็นเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และญี่ปุ่นได้ผสมผสานการใช้สมาร์ตไมโครกริดที่ผลิตพลังงานหมุนเวียนได้ 5 กิกะวัตต์ในปี 2568 เพื่อรองรับความต้องการและความปลอดภัยด้านพลังงานในกรณีเกิดหายนะทางธรรมชาติหรือวิกฤตพลังงาน
- มีคนทำงานด้านพลังงานสะอาด 14 ล้านอัตราทั่วโลก
เซ็กเมนต์พลังงานหมุนเวียนช่วยสร้างงานสร้างอาชีพนับล้านตำแหน่ง โดยในปี 2568 คาดว่า เซ็กเมนต์นี้จะทำให้คน 14 ล้านรายทั่วโลกมีงานทำเพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านคนในปี 2565 อันเป็นผลจากการลงทุนเพิ่มในพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ตลอดจนโครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพต่าง ๆ โดยอินเดียจะมีการจ้างงานสีเขียวได้ราว ๆ 1 ล้านอัตราภายในปี 2573 จากโครงการ National Solar Mission ของรัฐบาล และกฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกานั้นคาดว่า จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานในเซ็กเมนต์พลังงานสะอาดปีละ 900,000 อัตราไปตลอด 1 ทศวรรษข้างหน้า
- เงินลงทุนในพลังงานหมุนเวียนจะเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
เงินลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกนั้นคาดการณ์ว่า จะเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68 ล้านล้านบาท และคาดว่าตัวเลขนี้จะเติบโตปีละ 10-12% เลยทีเดียว อันเป็นผลจากการลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน ซึ่งลำพังเพียงปี 2566 ทั่วโลกมีการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนไปถึง 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16 ล้านล้านบาท ส่วนภาคเอกชนเองก็มีบทบาทไม่น้อยหน้าภาครัฐ เมื่อบริษัทต่าง ๆ เช่น Google และ Amazon ตั้งเป้าว่าจะลงทุนเพิ่มอีกกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 5 แสนล้านบาทเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายการดำเนินกิจการโดยใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ 100%
แนวโน้มใหญ่ ๆ เหล่านี้บ่งชี้ว่า ภาคพลังงานสีเขียวมีอนาคตสดใส และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าขึ้นและมีราคาถูกลงจะยิ่งเกื้อหนุนให้พลังงานสีเขียวงอกเงยไปเกินกว่าตัวเลขประมาณการในปี 2568 อย่างแน่นอน