เป็นอีกปีที่ฝนตกติดต่อกันมาต่อเนื่องและอันตรายจากไฟฟ้าก็อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว การป้องกันที่ดีที่สุดคือไม่ประมาท เพราะอาจหมายถึงอีกหลายชีวิตที่ต้องเสียไป

ขณะเดียวกันฤดูฝนก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณที่มีความชื้นมาก เช่น บริเวณบ่อปลา ปั๊มน้ำ เครื่องซักผ้า ตู้กดน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น GRID by PEA เลยรวบรวมคำแนะนำดี ๆ มาฝาก

Credit: ededchechine

กรณีเกิดไฟฟ้ารั่วตอนน้ำท่วมฉับพลัน

อันดับแรกให้รีบสับสวิตช์ลง เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่ว ความเข้มข้นของกระแสไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการกระจายของกระแสไฟฟ้า ถ้าใกล้กับจุดที่ไฟฟ้ารั่ว กระแสไฟฟ้าก็จะมีความเข้มข้นมาก ห่างออกไปก็จางลงไปตามลำดับ การจะพิสูจน์ว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่นั้น ห้ามใช้มือสัมผัส เพราะโดยธรรมชาติเมื่อโดนไฟฟ้าดูด ร่างกายจะหดตัวทำให้เรากำมือแน่น ทางที่ดีควรใช้หลังมือสัมผัส


อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลังโดนน้ำท่วม

ถ้าจะนำมาใช้ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าอยู่ในสภาพที่ยังใช้การได้อยู่หรือไม่ สิ่งแรกต้องทำให้แห้งก่อนเสียบปลั๊ก หากไม่แน่ใจควรให้ช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบก่อน แต่ถ้าอุปกรณ์เหล่านั้นเกิดความเสียหายมาก ก็ไม่ควรเสี่ยงนำมาใช้งาน

Credit: bearfotos

วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกไฟฟ้าดูด

หากจะเสียบปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ต้องมั่นใจว่าร่างกายแห้งสนิท ไม่เปียกชื้น บริเวณเต้าเสียบควรดูแลรักษาให้แห้งอยู่เสมอ หากไม่แน่ใจก่อนเสียบปลั๊กควรสวมรองเท้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง และไม่ประมาท

ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุ ควรมีการป้องกันไม่ไปสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าที่รั่ว และห้ามใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่โดนน้ำท่วมมาแล้ว ถ้าบริเวณที่มีความเสี่ยงไฟฟ้ารั่วหรือมีโอกาสเกิดไฟรั่วได้ง่าย ควรติดตัวเบรกเกอร์ป้องกันไว้ก่อน


เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่มีคุณสมบัติทนต่อน้ำท่วม

โดยจะมีค่ามาตรฐานสากล สังเกตได้จากรหัส IP ที่ติดไว้ด้านข้างเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแสดงด้วยตัวเลขสองหลัก ตัวเลขหลักแรก บอกการป้องกันการกระแทกจากของแข็ง ตัวเลขหลักที่สองบอกการป้องกันของเหลว เช่น น้ำ หากตัวเลขสองหลักมีค่าสูง สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ ตัวอย่างเช่น IP56 สามารถป้องกันของแข็งได้ระดับ 5 และสามารถป้องกันน้ำได้ระดับ 6 ซึ่งเป็นค่ามากที่สุด ทนทานต่อความเค็มของน้ำทะเล


Photo: Rawpixel