เทรนด์รองเท้าผ้าใบหนุนนำให้ Adidas ขายดีระดับมือวางอันดับ 2 ในอุตสาหกรรมรองเท้ากีฬา เฉพาะแค่ในปี 2019 Adidas Group ซึ่งผลิตรองเท้ามากถึง 448 ล้านคู่
แต่รู้หรือไม่ว่ากระบวนการผลิตรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ปล่อยก๊าซคาร์บอน 12.5 กิโลกรัม ความขายดีและเป็นผู้นำตลาดนี้เองทำให้ผู้บริหารของ Adidas หันไปหาพันธมิตรใหม่อย่าง Allbirds เจ้าตลาดในแวดวงรองเท้ารักษ์โลก เดชะบุญที่ดีไซน์ของรองเท้าเก๋ไก๋ใส่แล้วไม่อายใครแถมบอกใครก็ต้องประหลาดใจว่าทำจากต้นอ้อย ยูคาลิปตัสหรือวูล ต้องปรบมือให้กับความพยายามของแบรนด์เล็กๆที่ ทำให้กระบวนการผลิตรองเท้า Allbirds 1 คู่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเพียง 7.6 กิโลกรัม น้อยกว่ารองเท้าในท้องตลาดเกือบครึ่ง
ความเจ๋งของ Allbirds ยังอยู่ที่การเปิดเผยสูตรการผลิตเส้นใยและพื้นรองเท้าที่เป็นนวัตกรรมทำจากวัสดุธรรมชาติ คู่แข่งหรือแบรนด์ใดก็ตามที่อยากเอาสูตรไปทำบ้างก็ทำได้เลย
เพราะหวังว่าเมื่อบริษัทอื่นๆ ทำตาม ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่แก่โลกที่จะมีสุขภาพดีขึ้น ไม่ต้องร้อนขึ้นทุกปีหรือเต็มไปด้วยของเสีย
โปรเจ็กต์ Adidas x Allbirds ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว นอกเหนือไปจากยอดขายที่คาดว่าน่าจะดีมิใช่น้อย ทั้งสองแบรนด์พยายามคิดค้นนวัตกรรมใหม่มาผลิตรองเท้าที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็น 0 ซึ่งยังไม่มีเทคโนโลยีใดในโลกที่ทำแบบนั้นได้
ที่ผ่านมา Adidas เคยผลิตรองเท้าที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล และหันหัวเรือไปในทิศทางของความยั่งยืนซึ่ง Allbirds เป็นผู้นำอยู่แต่การจะริเริ่มทำรองเท้าที่ไม่ทิ้งรอยเท้าคาร์บอนเลยนั้นถือเป็นความท้าทาย ไหนจะเกิดของเสียในกระบวนการผลิต การขนส่งและต้องคุมให้ได้ไปถึงซัพพลายเออร์ทุกแห่งในสายพานการผลิตด้วย
ทั้งสองแบรนด์คาดว่ารองเท้าต้นแบบจะทิ้งรอยเท้าคาร์บอน 2-3 กิโลกรัมแต่ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่าจะเผยโฉมรองเท้านวัตกรรมของโลกเมื่อใด