Grid Brief
- การสร้าง Smart Green Office หรือ ออฟฟิศสีเขียว จะไม่ใช่เรื่องยากหากทุกคนในองค์กรร่วมใจกันลงมือปฏิบัติ
- 5 วิธีปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานนี้ นำไปปรับใช้สร้าง Smart Green Office ได้จริง เพราะครอบคลุมทุกมิติของการสร้างสังคมสีเขียวในออฟฟิศ เช่น การรีไซเคิล การปลูกต้นไม้ ลดการใช้กระดาษ และการใช้ไฟฟ้าให้คุ้มค่า
- Smart Green office สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี ทั้งยังเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรอีกด้วย
ออฟฟิศยุคใหม่ นอกจากเป็น Smart Office ที่มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นแล้ว ยังต้องมีแนวทางปฏิบัติร่วมกันเพื่อสร้าง Smart Green Office ที่ประหยัดทั้งพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อบรรยากาศการทำงานและคุณภาพชีวิตของคนในองค์กรเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้องค์กร ในแง่การมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติขององค์กรในฝันที่คนรุ่นใหม่อยากมาร่วมงาน
รู้อย่างนี้แล้ว มาเปลี่ยนออฟฟิศธรรมดาให้เป็น Smart Green Office ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ 5 ข้อต่อไปนี้
ส่งต่อแนวคิดรีไซเคิล เริ่มจากเรื่องง่ายๆ
การวางแนวปฏิบัติเรื่องการรีไซเคิลในออฟฟิศ นับเป็นบันไดขั้นแรกสู่การสร้าง Smart Green Office ซึ่งควรเริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ เช่น การจัดหาถาดสำหรับใส่เอกสารหน้าเดียว แยกกับถาดใส่เอกสารที่ใช้แล้วทั้งสองหน้า เพื่อรวบรวมนำกลับมาใช้ใหม่ การจัดให้มีถังขยะหรือกล่องสำหรับใส่อุปกรณ์สำนักงานที่ชำรุดหรือไม่ใช้แล้ว เพื่อนำไปสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีต่อไป
ตั้งเป้าแล้วทำให้ได้
เราต่างอยู่ในยุคดิจิทัลที่สามารถส่งเอกสารทางออนไลน์ได้ ดังนั้น ภารกิจ Paperless Mission หรือสังคมไร้กระดาษจึงไม่ใช่เรื่องยาก ทุกออฟฟิศทำได้ แค่ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันเตือนตัวเองก่อนกดสั่ง พิมพ์ และองค์กรควรออกกฎอนุญาตให้ส่งเอกสารออนไลน์แทนเอกสารปกติได้ ส่วนเอกสารที่ยังจำเป็นต้องพิมพ์ออกมา ก็ควรตั้งค่าอัตโนมัติให้พิมพ์ทั้งสองหน้า เพื่อเป็นการใช้กระดาษให้คุ้มค่า
ปลูกต้นไม้เพื่อสร้างออกซิเจน และ ดูดสารพิษในออฟฟิศ
เพิ่มสีเขียวและความเป็นธรรมชาติให้กับออฟฟิศได้ด้วยการปลูกต้นไม้ ช่วยเติมออกซิเจนในอากาศและดูดมลพิษหรือสารเคมีที่ออกมาจากเครื่องใช้สำนักงานหรือเฟอร์นิเจอร์ได้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของทุกคนในบริษัท หากมีพื้นที่มากพออาจจัดเป็นสวนแนวตั้ง หรือ Vertical Gardens นอกจากจะเพิ่มสีเขียวให้กับพื้นที่ทำงานแล้ว ยังเป็นการตกแต่งบริษัทดูแล้วสวยงาม สบายตา เป็นทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบริษัทและเป็นมุมต้อนรับแขกได้อีกด้วย
ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างรู้คุณค่า
ออฟฟิศในยุคนี้บางแห่งมีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์เปิดปิดไฟและเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ทว่า ในอีกหลายออฟฟิศยังไม่มีระบบนี้ ทุกคนจึงต้องช่วยกันตรวจตราก่อนกลับบ้านว่ามีการปิดไฟ ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือยัง เพราะการปิดเครื่องแต่ยังเสียบปลั๊กคาไว้ก็เป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าทางหนึ่ง นอกจากนี้ การประหยัดไฟฟ้าในออฟฟิศยังทำได้ด้วยการเปลี่ยนหลอดไฟธรรมดาให้เป็นหลอดไฟ LED จะช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าลงได้ถึง 75% ถ้าเป็นหลอดไฟที่ให้แสงสีอ่อน สบายตา จะช่วยถนอมสายตาของพนักงาน และช่วยทำให้สร้างสรรค์งานได้ดีขึ้น
ลดคาร์บอนฟุตปรินต์
ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 การทำงานที่บ้าน (Work from Home) ยังช่วยให้หลายบริษัทขยับเข้าใกล้เป้าหมายในการลด Carbon Footprint ได้ นอกจากนี้ ยังอาจรณรงค์ให้พนักงานเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถไฟฟ้า ปั่นจักรยาน หรือการเดินมาทำงาน โดยอาจสร้างแรงจูงใจด้วยการมอบส่วนลดค่าตั๋วรายเดือน หรือให้เงินค่า เดินทางสำหรับพนักงานที่บ้านใกล้กัน เพื่อให้มาทำงานด้วยรถคันเดียวกัน เป็นต้น