Grid Brief

  • เมื่อสมองเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย จึงควรใส่ใจดูแลสมอง ซึ่งมีทั้งสิ่งที่ควรทำ เช่น การอ่านหนังสือ การฟังเพลงคลาสสิก การกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง และสิ่งที่ไม่ควรทำ เช่น การหมกมุ่นอยู่กับความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การออกกำลังกายให้สมองนั้นง่ายกว่าที่คิด แค่เล่นเกมที่ใช้ความคิด อย่างหมากรุก อักษรไขว้ หรือเล่นรูบิค หรือเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางต่าง ๆ เช่น วิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่ หรือเล่นโยคะ

ในทางการแพทย์ สมองคือตัวชี้วัดการมีชีวิตอยู่ของคน เพราะแกนสมองคือส่วนที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ แต่สมองกลับเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานหนักอย่างต่อเนื่องยาวนาน และพฤติกรรมต่าง ๆ ของเราอาจเป็นการทำร้ายสมองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์อีกด้วย เช่น การจดจ่ออยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานเกินไป การเครียดสะสม การพักผ่อนไม่เพียงพอ การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการไม่ชอบใช้ความคิด หรือแม้แต่การนอนคลุมโปงที่ทำให้ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ฉะนั้น เราจึงมีกิจกรรมที่ทำแล้วช่วยให้สมองรู้สึกตื่นตัวมาฝากกัน

1. ดนตรีช่วยสมองได้

มนุษย์เรารู้จักจังหวะจากเสียงเต้นของหัวใจแม่มาตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ ทำให้เราคุ้นชินกับดนตรีมาตั้งแต่เกิด สำหรับเด็ก ๆ ดนตรีช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมองได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ใหญ่เสียงดนตรีช่วยชะลอความเสื่อมของสมองได้และช่วยให้มีสมาธิดีขึ้นด้วย เราจึงควรหมั่นฟังเพลง ร้องเพลง เต้นรำ หรือแต่งเพลง

ภาพวาดคนกำลังใส่หูฟังเพื่อฟังเพลง

2. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ทลายกำแพงความคิดที่ขวางกั้นคุณไม่ให้เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะภาษาใหม่ เทคโนโลยีต่าง ๆ การเดินทางไปสถานที่ใหม่ ๆ หรือฝึกทักษะด้านที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยพัฒนาสมองได้ แม้แต่ในผู้สูงวัยก็มีงานวิจัยว่า การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ช่วยให้สมองอ่อนเยาว์ลงได้ถึง 30 ปี

3. ออกกำลังกายสมอง

ไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินไปเข้ายิมที่ไหน เพราะการชวนสมองมาออกกำลังกายทำได้ด้วยการเล่นเกมที่ใช้ความคิดลับสมอง เช่น หมากรุก อักษรไขว้ เกมปริศนาตัวเลข เล่นรูบิค 

ภาพวาดก้อนสมองกำลังยกน้ำหนัก

4. กินอาหารบำรุงสมอง

บรรดาอาหารที่ช่วยในการบำรุงสมอง ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึกอย่างทูน่า แซลมอน ปลาทู หรือปลาน้ำจืดที่มีไขมันสูงอย่างปลาช่อน ปลาสวาย หรือน้ำมันตับปลา ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักโขม น้ำมันมะกอก ไข่ แครอท พืชตระกูลถั่ว ธัญพืช แอปเปิล ช็อกโกแลต แปะก๊วย รวมถึงการดื่มน้ำเปล่าด้วย

จานใส่อาหาร มีแซลมอน มะเขือเทศ บร็อกโคลี อโวคาโด แครอท แบล็กเบอร์รี่ ถั่ว วอลนัท ซึ่งเป็นอาหารบำรุงสมอง

5. อ่านหนังสือ

ในแต่ละคำที่อ่านจะไปกระตุ้นระบบประสาทของสมองหลายส่วนให้ทำงานเป็นระบบความคิดที่ซับซ้อน นอกจากนี้คุณควรสลับวิธีอ่านของคุณ เช่น เปลี่ยนจากการอ่านในใจมาอ่านออกเสียงบ้าง 

6. คลายเครียดให้สมอง

ความเครียดเป็นตัวการขัดขวางการคิดและการเรียนรู้ ทั้งยังปล่อยสารเคมีออกมาซึ่งทำให้โครงสร้างของสมองแปรปรวน เกิดภาวะสมองล้าได้ และทำลายสมองได้ ฉะนั้น ควรหากิจกรรมที่บรรเทาความเครียด งานอดิเรกที่คุณชอบหรือช่วยให้ได้ยิ้มหรือหัวเราะ และอารมณ์ดีอยู่เสมอ

7. ปรับกิจวัตรให้ไม่จำเจ

ทุกครั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมถือเป็นการบริหารสมองที่ไม่ค่อยได้ใช้ ซึ่งฝึกทำได้ตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ อย่างการลองกินเมนูใหม่ เปลี่ยนมุมในบ้าน จัดสวน แปรงฟันหรือหวีผมด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด

8. บริหารสมองสองซีก

ดร.พอล เดนนิสัน นักประสาทวิทยาชาวอเมริกันเป็นผู้พัฒนากิจกรรม Brain Gym เป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวทางร่างกาย แต่ส่งผลให้สมองทั้งซีกซ้ายและขวาได้ทำงานประสานกันมากขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ทำให้สมองตื่นตัว และมีสมาธิมากขึ้น แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ 1) การเคลื่อนไหวสลับข้าง (วิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่) 2) การยืดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (ท่าโยคะต่าง ๆ) 3) การเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้น (กดจุดร่างกาย นวดใบหู นวดขมับ) และ 4) ท่าบริหารร่างกายง่าย ๆ (ใช้สองมือปิดตาที่ลืมอยู่จนมองเห็นความมืดสนิทแล้วค่อย ๆ เอามือออก)

ภาพวาดคนกำลังนอนหลับ

9. พักผ่อนให้เพียงพอ

รู้หรือไม่ว่า การพักผ่อนสมองที่ดีที่สุดก็คือการนอนหลับนั่นเอง เพราะหน้าที่หนึ่งของสมองคือการสั่งการให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานตามกลไกของร่างกาย ฉะนั้น เมื่อไหร่ที่คุณอดนอน นอนไม่พอ หรือนอนไม่มีประสิทธิภาพ อาการฟ้องจากสมองคือการคิดไม่ค่อยออก เบลอ และทำสิ่งต่าง ๆ ได้ช้าลง