ย้อนไปเมื่อปี 2553 นักออกแบบชาวคาตาลัน Mart Guix และนักสร้างสรรค์อาหารชาวฟินแลนด์ Antto Melasniemi ร่วมกันเปิดร้านอาหารที่ชื่อ Solar Kitchen Restaurant ในกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เพื่อแสดงความเชื่อมโยงความยั่งยืนของพลังงานแสงอาทิตย์กับศิลปะการปรุงอาหารที่จะให้ประสบการณ์ใหม่ในการลิ้มรสชาติ และยังช่วยให้เราปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้
วิธีการของพ่อครัวจำเป็นทั้งสองคืออาหารทุกจานจะปรุงสดให้สุกด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จากจานสะท้อนแบบพาราโบลา (Parabolic Reflector) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สะสมหรือรวบรวมพลังงาน มีหน้าตาเหมือนจานดาวเทียม ซึ่งวางตั้งไว้รอบโต๊ะทำครัว แล้วปรุงอาหารกันกลางแจ้งโดยพ่อครัวต้องใส่แว่นกันแดด
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ครัวพลังแสงอาทิตย์แห่งนี้จึงมีอุปกรณ์แค่จานสะท้อนแบบพาราโบลาก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องมีเตา ตู้อบ หรือเครื่องครัวอื่นใดมากมายเหมือนเช่นครัวทั่วไป
เมนูของที่นี่จึงไม่ตายตัวและไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบใด ๆ หากแต่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและความร้อนแรงของแสงแดดในวันนั้น ถ้าเป็นวันที่แดดดี ความร้อนถึง ทางร้านจะทำบาร์บีคิว ส่วนวันไหนแดดน้อย ก็จะทำอาหารที่ใช้ความร้อนอ่อน ๆ หรือไม่ต้องผ่านความร้อนเลย เช่น ผัดผัก หรือสลัด ถ้าวันไหนฝนตก จะปรับเปลี่ยนวัน-เวลารับลูกค้าไปตามสภาพอากาศ
ที่สำคัญร้านนี้ยังเปลี่ยนโลเกชั่นไปเรื่อย ๆ โดยตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ร้านครัวแสงอาทิตย์ย้ายครัวออกเดินทางไปทั่วฟินแลนด์ จากนั้นข้ามไปสวีเดน ญี่ปุ่น อิสราเอลและเคยไปตั้งจานสะท้อนแสงกันที่อลาสกามาแล้ว
เมื่อกันยายน 2565 ร้านครัวแสงอาทิตย์ได้ไปร่วมงานประจำปี Congresso dos Cozinheiros (สภาคนครัว) ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เพื่อโชว์การผสมผสานศิลปะการปรุงและผลกระทบที่วงการอาหารมีต่อสิ่งแวดล้อมให้ชาวลิสบอนได้ประจักษ์และลองลิ้มชิมรสอาหารที่ปรุงจากจานสะท้อนแสง