Grid Brief
- หลังจากปี พ.ศ.2578 รัฐบาลไทยเตรียมยกเลิกการจดทะเบียนรถใหม่ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และเดินหน้าให้คนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน 100%
- รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ใช้พลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งล้วนมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิลและดีเซล
- นอร์เวย์เป็นชาติที่ประชากรเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในยุโรป เนื่องจากรัฐบาลนอร์เวย์สนับสนุนและให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่าคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเตรียมยกเลิกการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงภายในปี พ.ศ.2578 หรือในอีก 14 ปีข้างหน้า และตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ 100%
มาตรการนี้ถูกจัดให้เป็นมาตรการเร่งด่วนในการกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อ โดยให้เจ้าของรถสามารถจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ได้เฉพาะรถยนต์ไร้มลพิษ (Zero-Emission Vehicle) หรือรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าล้วนเท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลจะไม่สามารถจดทะเบียนได้อีกต่อไปหลังจากปี พ.ศ.2578
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า…รถยนต์พลังงานสะอาด
การที่รัฐสนับสนุนให้หันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) นั้น ก็เพราะเป็นยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งล้วนมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิลและดีเซล โดยทุก ๆ ครั้งที่มีการสตาร์ตเครื่องยนต์จะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ อันเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อสุขภาพ เช่น เสี่ยงให้เกิดโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ มะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และอาจเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ถึงแม้ว่าโรคเหล่านี้มักจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวก็ตาม
ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี (Battery Electric) ในการชาร์จไฟ รถยนต์ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) หรือรถยนต์ไฮบริด (แบบผสมผสาน) คือ สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟเพื่อใช้ไฟฟ้าได้ และมีเครื่องยนต์สันดาปภายในหรือใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วย โดยสามารถปรับการขับให้เป็นโหมดไฟฟ้าได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสุดท้ายคือรถยนต์ Fuel Cell Electric Vehicle (FCEV) เป็นรถยนต์ที่มีแผงเซลล์เชื้อเพลิงหรือ Fuel Cell Stack ถังแรงดันสูงเพื่อเก็บไฮโดรเจนในรูปแบบของเหลว หลักการทำงานจะมีการส่งไฮโดรเจนและอากาศที่มีออกซิเจนเข้าไปสู่แผงเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อทำปฏิกิริยาและสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บในแบตเตอรี แล้วส่งไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้ขับเคลื่อน
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ใช้พลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งล้วนมาจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิลและดีเซล
นอร์เวย์มีคนใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงสุดในยุโรป
นวัตกรรมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในยุคนี้ไม่ได้มีแค่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลอีกต่อไป โดยเฉพาะในยุโรป การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น นอร์เวย์ เป็นประเทศที่ประชากรเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในยุโรป หรือมีสัดส่วน 33% ของการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ในปี พ.ศ.2563 เหตุผลหลักมาจากรัฐบาลนอร์เวย์สนับสนุนและให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น ได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีถนนประจำปี ยกเว้นค่าธรรมเนียมที่จอดรถสาธารณะ และค่าผ่านทาง แถมยังมีโบนัสพิเศษให้สำหรับการใช้ช่องทางเดินรถ รวมทั้งมีการผลักดันให้มีพื้นที่สำหรับการชาร์จไฟฟ้า จึงไม่แปลกที่นอร์เวย์จะกลายเป็นประเทศที่นำหน้าเพื่อนบ้านในกลุ่มยุโรปไปไกล
ส่วนในสหรัฐอเมริกาก็ไม่น้อยหน้า ปัจจุบันมีรถบัสโดยสารไฟฟ้าที่วิ่งตรงจากนิวยอร์กไปยังมิสซิสซิปปีแล้ว และในปีนี้ชาว Angelenos หรือประชากรในเมืองลอสแอนเจลิส ก็จะมีรถดับเพลิงคันแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในเมือง และในอนาคตอันใกล้ มีเป้าที่จะเปลี่ยนรถบรรทุกสุขาภิบาลให้กลายเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการเก็บขยะตามบ้าน ตลอดจนรถบรรทุกไฟฟ้าสำหรับขนส่งพัสดุสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศด้วยเช่นกัน
รถยนต์ไฟฟ้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า
ไม่สำคัญว่ายานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้านั้นจะมาจากแหล่งกำเนิดของไฟฟ้าในรูปแบบใด เพราะถึงอย่างไรก็ปล่อยก๊าซ Carbon Footprint หรือก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ายานยนต์ที่ใช้น้ำมันอยู่ดี เช่น อาจเป็นแหล่งไฟฟ้าที่ได้มาจากการชาร์จแบตเตอรี หรือเป็นยานยนต์ไฮบริดที่อาศัยพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปจนถึงพลังงานหมุนเวียน ซึ่งถือว่าเป็นพลังงานสะอาดต่อสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลจาก Union of Concerned Scientists องค์การที่ช่วยสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนมีแนวโน้มที่จะปล่อยมลพิษในอากาศ หรือมีค่าของการเผาไหมเชื้อเพลิงคิดเป็น 381 CO2e (ค่าคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) ต่อไมล์ ในขณะที่รถยนต์ Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือ PHEV ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าและชาร์จแบตเตอรีได้นั้น จะมีค่าการเผาไหม้อยู่ที่ 191 CO2e ต่อไมล์ ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรีเพียงอย่างเดียวถือเป็นยานยนต์พลังงานสะอาดที่สุดและมีราคาถูกที่สุด แถมด้วยค่าการเผาไหม้ต่ำสุดที่ 123 CO2e ต่อไมล์เท่านั้น
นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยเจ้าของรถประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่ารถยนต์ธรรมดาที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันมักผันผวนไปตามตลาดโลก ส่วนค่าไฟฟ้าค่อนข้างคงที่ โดยเฉลี่ยแล้วจะเสียค่าไฟในการชาร์จครั้งละ 90-150 บาท หรือประมาณ 0.60-1 บาทต่อกิโลเมตร เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 บาทต่อกิโลเมตร ในส่วนของเครื่องยนต์ รถยนต์ไฟฟ้ามีความคงทนมากกว่าเนื่องจากระบบภายในมีส่วนประกอบน้อยกว่า ไม่ต้องเปลืองเงินค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและค่าบำรุงรักษาเหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันทั่วไป
ที่มา