Grid Brief
- มารู้จักมะม่วง ผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีว่า นอกจากรสชาติอร่อยถูกปาก กินได้ทั้งดิบและสุก และทำอาหารได้ทั้งคาวหวานนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากมายอย่างน่าทึ่ง
- มะม่วงผลไม้ที่หลายคนคิดว่ามีแป้งเยอะ กินแล้วทำให้อ้วนนั้น หากกินในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว จะดีต่อสุขภาพมาก เพราะอุดมด้วยวิตามินและไฟเบอร์สูง
‘มะม่วง’ ผลไม้เมืองร้อนที่มีให้กินตลอดทั้งปี เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะเมนูข้าวเหนียวมะม่วงที่กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยในชั่วข้ามคืน ทว่า ก็ยังมีอีกหลายคนที่ปฏิเสธการกินมะม่วง ด้วยความเชื่อว่า เป็นผลไม้ที่มีแป้งสูง กินแล้วอ้วน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรามีคำตอบ
ทางโภชนาการ มะม่วงเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุ วิตามิน อุดมด้วยไฟเบอร์ และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง มาดูกันว่าคุณประโยชน์ของมะม่วงมีอะไรบ้าง
1.ป้องกันโรคหัวใจ มะม่วงมีวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินบี6 และซีลีเนียม (Selenium) ช่วยลดโฮโมซิสเตอีน (Homocysteien) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ทำลายผนังหลอดเลือด ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ มะม่วงยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยบำรุงหัวใจให้ รวมทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อแมงจิเฟอริน ทำให้ช่วยป้องกันหัวใจจากภาวะเครียด และช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้
2.ช่วยลดความดัน โพแทสเซียมและแมกนีเซียมในมะม่วงเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อระบบการไหลเวียนโลหิต ช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
3.ป้องกันมะเร็ง ในมะม่วงมีสารประกอบโพลีฟีนอล (Polyphenol) อยู่หลายตัว เช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (Isoquercitrin) แอสตรากาลิน (Astragalin) ไฟเซติน (Fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงการหยุดการเจริญเติบโตและช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง
4.ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร เอนไซม์ในมะม่วงจะช่วยย่อยโปรตีนทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น และไฟเบอร์ในมะม่วงยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นด้วย ใครที่ท้องผูกหรือท้องเสีย การกินมะม่วงสุกช่วยได้ เพราะไฟเบอร์หรือเส้นใยในมะม่วงจะช่วยดูดซึมน้ำ ทำให้อุจจาระนิ่มและเคลื่อนตัวง่าย จึงขับถ่ายได้คล่องขึ้น
5.บำรุงสายตา มะม่วงมีวิตามินเอที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา บรรเทาอาการตาแห้ง ป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา และยังมีลูทีน (Lutein) ซึ่งเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่ช่วยกรองรังสียูวีจากแสงแดด ชะลอการเกิดโรคต้อกระจก
6.บำรุงผิวพรรณและเส้นผม วิตามินเอไม่เพียงช่วยบำรุงตา ยังช่วยบำรุงผิวพรรณด้วย เพราะจะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในเนื้อเยื่อและผิวหนัง ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ผิวจึงเรียบเนียนขึ้น ส่วนวิตามินซีในมะม่วง ช่วยสร้างคอลลาเจนทำให้เส้นผมแข็งแรง กระตุ้นการเติบโตของเส้นผม และยังสร้างความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ต้านการหย่อนคล้อยและริ้วรอยบนผิวหนัง
7.บำรุงสมอง วิตามินบี6 ในมะม่วงนอกจากช่วยป้องกันโรคหัวใจ ยังมีส่วนสำคัญในการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง เมื่อเรากินมะม่วงจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารกลูตาไมน์ (Glutamine) ช่วยด้านการจดจำของสมองและทำให้มีสมาธิดีขึ้น และเซลล์สมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
8.เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มะม่วงเองก็มีสารเบตาแคโรทีนเช่นเดียวกับผักผลไม้ที่มีสีส้มและเหลือง มีคุณสมบัติเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง
9.ช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL – Low Density Lipoprotein) สารเพคติน (Pectin) ช่วยลดคอเลสเตอรอลในกระแสโลหิตจากการลดการดูดซึมของน้ำตาล เพราะหากบริโภคน้ำตาลมาก จะส่งผลให้ไขมันดี (HDL – High Density Lipoprotein) ต่ำลง จึงมีคอเลสเตอรอลสูงขึ้น
แม้มะม่วงจะมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายก็ตาม แต่การบริโภคก็ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะมะม่วงสุกซึ่งมีปริมาณน้ำตาลแฝงอยู่ด้วย หากกินมากเกินไปก็ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน ยิ่งใครที่ชอบกินคู่กับข้าวเหนียวมูนแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องระวัง หรือแม้จะเป็นมะม่วงดิบแต่ถ้ากินคู่กับน้ำปลาหวาน ก็กินแต่พอดี อย่าตามใจปากเชียว ไม่อย่างนั้นจะได้น้ำหนักและขนาดรอบเอวเพิ่มตามมาได้
รูปโดย: jcomp