Grid Brief

  • ซูเปอร์ฟู้ดแห่งปี 2568 เช่น ‘ผลไม้ฟรีซดราย’ ที่กระบวนการผลิตช่วยรักษาวิตามินในปริมาณสูง ‘โฟนิโอ’ ธัญพืชเต็มเมล็ดไร้กลูเตน ให้เส้นใยสูงแต่น้ำตาลต่ำ ‘ลาเบิน’ โยเกิร์ตเนื้อเข้มข้นที่อุดมด้วยโปรตีนและไขมัน (ดี) กว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 2 เท่า ‘กระเทียมดำ’ ที่นำกระเทียมสดไปผ่านกรรมวิธีหมักจนมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงกว่ากระเทียมสด และ ‘ซีมอส’ พืชทะเลที่มีแร่ธาตุและสารอาหาร 92 – 102 ชนิด

จากกราโนลา เมล็ดเจีย จนถึงมัทฉะ ปี 2568 จะมีอาหารชนิดใดที่ถูกสวมมงกุฎยกให้เป็น ‘ซูเปอร์ฟู้ด’ กันบ้าง ตามลิสต์และสรรพคุณของอาหารใหม่ ๆ ที่จะมาจับจองพื้นที่ในครัวกัน

  1. ผลไม้ฟรีซดราย

จากสตรอว์เบอร์รีจนถึงลิ้นจี่ ผลไม้ทุกชนิดโดนจับฟรีซดรายได้ทั้งสิ้น โดยเป็นกระบวนการที่ใช้อุณหภูมิต่ำกว่าการอบแห้งโดยทั่วไป การฟรีซดรายจะช่วยคงปริมาณวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระและโพลีฟีนอล (สารที่ให้สีที่พบในพืชผักผลไม้ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ) ในผลไม้ไว้ได้ในระดับสูง ทำให้ผลไม้ฟรีซดรายกลายเป็นของขบเคี้ยวรสชาติดีมีวิตามิน และยังเป็นตัวเลือกเติมความหวานให้อาหารประเภทอบและมื้อต่างๆ แทนการเติมน้ำตาลโดยตรง 

  1. โฟนิโอ 

โฟนิโอ (Fonio) คือ ธัญพืชสายพันธุ์ข้าวฟ่าง อันเป็นธัญพืชเก่าแก่ที่สุดของแอฟริกา ซึ่งกลับมาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดจึงให้ไฟเบอร์สูง ซึ่งจำเป็นต่อการย่อย การขับถ่าย และการคุมระดับน้ำตาล ทั้งยังมีกรดอะมิโนสูง น้ำตาลต่ำ อุดมไปด้วยแร่ธาตุเหล็กและแมกนีเซียม แต่ไม่มีกลูเตน จึงเป็นตัวเลือกแทนข้าวได้ เมื่อหุงสุกแล้วจะให้รสชาติคล้ายถั่ว 

  1. ลาเบิน

โพรไบโอติกส์ สหายแสนดีของระบบย่อยอาหารที่พบได้ในโยเกิร์ต คนรักสุขภาพต้องไม่พลาดหาลาเบิน (Labneh) หรือในชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น กรีกโยเกิร์ต โยเกิร์ตเข้มข้น หรือโยเกิร์ตชีส โดยลาเบินเป็นชื่อเรียกโยเกิร์ตในตะวันออกกลางนั่นเอง ลาเบินกลายเป็นของดีติดตู้เย็น เนื่องจากเป็นโยเกิร์ตที่กรองและคั้นหางโยเกิร์ต น้ำ รวมถึงน้ำตาลแลคโตสออกไปจนเกือบหมด จนได้เนื้อโยเกิร์ตเข้มข้นที่อุดมด้วยโปรตีนและไขมัน (ดี) กว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 2 เท่า และเนื้อครีมหนานุ่มก็ฉ่ำน่ากินกว่าคีเฟอร์หรือโพรไบโอติกส์ชนิดอื่น ๆ 

Credit: Freepix
  1. ถั่วเสือ

ไทเกอร์นัต (Tiger Nuts) แม้เรียกว่า ‘ถั่ว’ แต่แท้จริงแล้วคือเมล็ดของพืชตระกูลกก โดยเป็นส่วนที่อยู่ใต้ดินของต้นกก มีเส้นใยอาหารสูงกว่าอัลมอนด์ 3 เท่า มีวิตามินอีมากกว่า 2.5 เท่า มีแคลอรีต่ำมากเมื่อเทียบกับถั่วชนิดอื่น และมากไปด้วย ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม กรดโอเลอิก และพรีไบโอติกส์ (พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ จึงช่วยให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ทำงานได้ดียิ่งขึ้น) และมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มท้องได้นาน นับว่าเป็นอาหารทางเลือกสำหรับคนแพ้ถั่วได้เป็นอย่างดี 

  1. กระเทียมดำ

กระเทียมดำ (Black Garlic) คือ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกระเทียมสดปกติ โดยนำไปผ่านกระบวนการหมักบ่มธรรมชาติที่ไม่เติมวัตถุปรุงแต่งใด ๆ ภายใต้อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมนาน 1 เดือน จนเกิดปฏิกิริยาการเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเอนไซม์ ทำให้กระเทียมมีสีดำ ไม่มีกลิ่นฉุน รสหวาน เนื้อนุ่ม มีสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่ากระเทียมสด ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจ ช่วยลดการอักเสบและเสริมภูมิต้านทาน 

  1. ซีมอส

Sea Moss หรือ Irish Moss เป็นพืชทะเลตระกูลสาหร่ายสีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์สูง จึงส่งผลดีต่อระบบย่อยและขับถ่าย ทั้งยังเป็นพรีไบโอติกส์ชนิดหนึ่ง จึงช่วยให้จุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีแร่ธาตุกว่า 92 – 102 ชนิด เช่น แมกนีเซียม ไอโอดีน เหล็ก และแคลเซียม มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการซ่อมสร้างกล้ามเนื้อและการเจริญเติบโต ซีมอสช่วยเสริมภูมิต้านทาน ผิวพรรรณเปล่งปลั่ง ขับถ่ายดี คุมน้ำหนักได้ แม้หน้าตาจะเหมือนสาหร่ายวากาเมะในอาหารญี่ปุ่น แต่มีให้เลือกกินได้ทั้งในรูปแบบแคปซูล ผง เจล หรืออาหารเสริม แต่ผู้มีปัญหาไทรอยด์ไม่ควรกินมากเกินไป เนื่องจากซีมอสมีไอโอดีนสูง ผู้ที่แพ้อาหารทะเลควรระวัง เนื่องจากเป็นพืชทะเล และหากมาจากแหล่งผลิตที่ไม่ปลอดภัยก็อาจปนเปื้อนโลหะหนักได้


รูปโดย Freepik