Grid Brief

  • ประเทศอังกฤษเตรียมเปิดฟาร์มแนวตั้ง ‘JFC2’ ในปี 2565 ซึ่งเป็นฟาร์มแนวตั้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หรือขนาดประมาณสนามเทนนิส 70 แห่ง
  • ฟาร์มแนวตั้งนี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศ และลดภาระการนำเข้าพืชผักผลไม้จากต่างประเทศ
  • ข้อดีของฟาร์มแนวตั้งคือช่วยประหยัดพื้นที่เพาะปลูกได้มากกว่า ลดการใช้น้ำได้ถึง 95% และลดระยะทางในการขนส่ง ซึ่งส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ตัวการทำให้โลกร้อน

ไอเดียนี้มาจากบริษัท The Jones Food Company (JFC) ของอังกฤษที่ต้องการผลิตพืชผักสมุนไพรและผลไม้สดจากฟาร์มประเทศ แทนการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยฟาร์มแห่งนี้มีขนาดใหญ่อลังการราว 148,000 ฟุต หรือเทียบได้กับสนามเทนนิส 70 แห่งมาต่อกัน 

สำหรับบริษัท The Jones Food Company ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 เปิดโรงงานแห่งแรกขึ้นในเมืองลอนคอล์นเชียร์ (Lincolnshire) เมื่อปี 2561 โดยเป็นแหล่งเพาะปลูกและจำหน่ายใบโหระพาให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตนับพันแห่งทั่วอังกฤษ ภายหลังได้รับการสนับสนุนจาก The Ocado Group ในปี 2562 ซึ่งฟาร์มแห่งล่าสุด ‘JFC2’ ว่ากันว่า มีขนาดใหญ่กว่าของเดิมถึง 3 เท่าเลยทีเดียว 

Credit: Fergus Franks

 ‘JFC2’ ฟาร์มแนวตั้งแบบยั่งยืนของอังกฤษ

‘JFC2’ เป็นชื่อโรงงานหรือฟาร์มแห่งใหม่ ซึ่งบริษัท The Jones Food Company (JFC) ตั้งเป้าที่จะปลูกพืชสมุนไพรและผลไม้ภายในฟาร์มแห่งนี้ให้ได้ถึง 1,000 ตัน เพื่อลดภาระการนำเข้าผลผลิตจากต่างประเทศในช่วงตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเพื่อยกระดับให้อังกฤษกลายเป็นประเทศผู้นำในการเป็นเจ้าของฟาร์มแนวตั้งที่ใหญ่ที่สุดของโลก 

ฟาร์ม JFC2 เตรียมเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2565 ที่ลิดนีย์ (Lydney) เมืองกลอสเตอร์เชียร์ (Gloucestershire) ทางตะวันตกของอังกฤษ และเป็นที่คาดว่าฟาร์มยักษ์ใหญ่แห่งนี้จะช่วยกระจายพืชผักผลไม้สดใหม่ส่งตรงไปยังร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตนับหมื่นแห่งทั่วประเทศอีกด้วย

James Lloyd-Jones ผู้ก่อตั้ง JFC กล่าวถึงที่มาของการสร้างฟาร์มแห่งที่สองของบริษัทว่า “ที่ผ่านมาความต้องการของผลิตผลทางการเกษตรในประเทศอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก เนื่องมาจากภาวะขาดแคลนอาหารที่เพิ่มขึ้น การทำฟาร์มแนวตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของประเทศและโลกของเรา โดยเฉพาะการทำฟาร์มแบบยั่งยืนเช่นนี้จะเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน ซึ่ง JFC วางแผนในการจัดหาผลผลิตที่ปลูกเองในประเทศ โดยวางเป้าไว้ที่ 70% ในอีก 10 ปีข้างหน้า”

Credit: Fergus Franks

ข้อดีของการทำฟาร์มแนวตั้ง

สำหรับข้อดีของฟาร์มแนวตั้งที่แตกต่างไปจากฟาร์มแนวนอน คือประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า ใช้น้ำน้อยลงถึง 95% แต่เพิ่มผลิตได้มากขึ้นถึง 17 เท่า อีกทั้งฟาร์มแนวตั้งไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งทั้งทางบกและทางอากาศ จึงลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ฟาร์มแนวตั้งแห่งนี้น่าจะเป็นต้นแบบของการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน และเป็นที่คาดการณ์ว่า จะต่อยอดไปยังเมืองอื่น ๆ ในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น Cornwall, Gloucestershire, Yorkshire, Argyll และ Fermanagh